เทคนิคการ พักสายตา ทุก 20 นาทีเพื่อการอ่านที่ยาวนาน

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 1 กันยายน 2568

พักสายตา อ่านนาน เตรียมสอบ สุขภาพตา สมาธิ

สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ นักเรียนทุกคน

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เชื่อว่าช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ป.6 ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 หรือน้องๆ ม.1 ที่กำลังปรับตัวกับการเรียนใหม่ๆ ทุกคนต้องใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือกันอย่างหนักหน่วงแน่นอนเลยใช่ไหมครับ? บางคนอ่านเป็นชั่วโมงๆ ติดกันจนรู้สึกว่าสายตาเริ่มล้า เริ่มเบลอ บางทีก็ปวดหัวตุ้บๆ หรือรู้สึกตาแห้งๆ แสบๆ จนต้องขยี้ตาบ่อยๆ

คุณพ่อคุณแม่เองก็คงเป็นห่วงน้องๆ ไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ? เพราะนอกจากเรื่องผลการเรียนแล้ว สุขภาพกาย สุขภาพตาของลูกก็สำคัญมากๆ ถ้าสายตาล้ามากๆ สมาธิในการเรียนก็ลดลง แถมยังอาจส่งผลเสียต่อดวงตาในระยะยาวอีกด้วย

เคยสงสัยกันไหมครับว่า... ทำไมเราถึงรู้สึกเมื่อยตาเวลาอ่านนานๆ? แล้วเราจะมีวิธีพักสายตาง่ายๆ ที่ช่วยให้เราอ่านหนังสือได้นานขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร?

บทความนี้ พี่ๆ จะพาไปรู้จักกับเคล็ดลับดีๆ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยถนอมสายตา แต่ยังช่วยเพิ่มสมาธิ และประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือของน้องๆ ให้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ! เทคนิคนี้ชื่อว่า "กฎ 20-20-20" ครับ เป็นวิธีพักสายตาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่จะช่วยให้น้องๆ สามารถอ่านนานขึ้นได้แบบสบายๆ สายตาไม่ล้า ไม่ปวดหัว มาดูกันเลยครับ!

ทำไมต้อง พักสายตา? เข้าใจความสำคัญของดวงตาคู่เก่ง

น้องๆ รู้ไหมครับว่า ดวงตาของเรานั้นทำงานหนักแค่ไหนเวลาที่เราจ้องมองอะไรใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าหนังสือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต? กล้ามเนื้อเล็กๆ รอบดวงตาของเราต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อโฟกัส ทำให้เรามองเห็นตัวหนังสือและภาพได้อย่างชัดเจน การที่เราจ้องมองนานๆ โดยไม่หยุดพัก ก็เหมือนกับการที่เราวิ่งมาราธอนโดยไม่หยุดพักเลย กล้ามเนื้อก็ต้องล้าเป็นธรรมดาใช่ไหมครับ?

ถ้าเราไม่อาศัยจังหวะพักสายตาเป็นประจำ ผลเสียที่ตามมาอาจไม่ใชแค่ความรู้สึกเมื่อยล้าชั่วคราวเท่านั้นนะครับ

  • ตาล้า (Eye Strain): อาการที่พบได้บ่อยที่สุดเลยก็คือรู้สึกเมื่อยตา ปวดตา ล้าตา อาจมีอาการปวดหัวร่วมด้วย
  • ตาแห้ง (Dry Eyes): เวลาที่เราจ้องจอหรือจ้องหนังสือ เรามักจะกะพริบตาน้อยลง ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้น จนเกิดอาการแสบตา เคืองตา หรือตาแดงได้
  • สมาธิลดลง: เมื่อสายตาเริ่มล้า สมองของเราก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้สมาธิในการอ่านหนังสือลดลง อ่านแล้วไม่เข้าใจ อ่านแล้วจำไม่ได้
  • ประสิทธิภาพการเรียนตก: แน่นอนว่าเมื่อสมาธิไม่มี ความเข้าใจก็ลดลง การเรียนรู้ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้การเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 อาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ
  • ปัญหาสายตาในระยะยาว: การจ้องมองใกล้ๆ เป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อการมองเห็นในระยะยาว เช่น ภาวะสายตาสั้นเทียม หรือสายตาสั้นเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะน้องๆ ในวัยประถมปลายและมัธยมต้นที่กำลังเติบโต ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมากๆ ที่เราต้องดูแลรักษาให้ดี เพื่อให้เขาสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และอยู่กับเราไปนานๆ ครับ การรู้จักวิธีพักสายตาจึงเป็นทักษะสำคัญที่ควรฝึกไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย

ทำความรู้จัก "กฎ 20-20-20": หัวใจสำคัญของการ พักสายตา อ่านนาน

มาถึงเคล็ดลับสำคัญที่พี่อยากให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่จำขึ้นใจเลย นั่นก็คือ "กฎ 20-20-20" ครับ เป็นเทคนิคที่สถาบันจักษุแพทย์อเมริกัน (American Academy of Ophthalmology) แนะนำ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอาการตาล้าจากการจ้องมองเป็นเวลานานได้ดีมากๆ เลยทีเดียว

กฎนี้เข้าใจง่ายมากๆ ครับ มี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำได้ทันที

  • ทุก 20 นาที: เมื่อน้องๆ อ่านหนังสือ หรือใช้สายตากับหน้าจอเป็นเวลา 20 นาที ให้หยุดพักสายตา
  • มองไกล 20 ฟุต: หันไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 20 ฟุต หรือประมาณ 6 เมตร
  • นาน 20 วินาที: จ้องมองวัตถุนั้นเป็นเวลา 20 วินาที

ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ? แต่ทำไมกฎนี้ถึงได้ผลดีนักล่ะ?

เหตุผลก็คือ เมื่อเราจ้องมองวัตถุใกล้ๆ นานๆ กล้ามเนื้อตาของเราจะหดเกร็งอยู่ตลอดเวลาเพื่อช่วยในการโฟกัส การที่เราหันไปมองวัตถุไกลๆ เป็นเวลา 20 วินาที จะช่วยให้กล้ามเนื้อตาเหล่านี้ได้ผ่อนคลายและกลับสู่สภาพปกติ คล้ายกับการที่เราเมื่อยมือเมื่อเขียนหนังสือและได้พักกำคลายมือชั่วครู่ ดวงตาก็เช่นกันครับ การพักสายตาแบบนี้จะช่วยลดอาการตาล้า ทำให้ดวงตาไม่แห้ง และยังช่วยฟื้นฟูสมาธิ ทำให้น้องๆ สามารถกลับไปอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่และอ่านนานขึ้นได้จริง

ลองนึกภาพนะครับ ถ้าเราสามารถอ่านหนังสือได้ยาวๆ โดยที่สายตาไม่ล้า สมาธิไม่หลุด การเตรียมสอบเข้า ม.1 ก็จะราบรื่นขึ้นเยอะเลย เพราะน้องๆ จะซึมซับเนื้อหาได้เต็มที่ตลอดเวลาที่อ่านหนังสือ ทำให้ประสิทธิภาพการอ่านเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทคนิคเสริมช่วยให้การ พักสายตา มีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากกฎ 20-20-20 แล้ว พี่ก็มีเทคนิคดีๆ เพิ่มเติมที่จะช่วยเสริมให้การพักสายตาของน้องๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก และยังช่วยให้การอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่สนุกและไม่น่าเบื่ออีกด้วย

3.1 สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการ อ่านนาน

การจัดเตรียมสถานที่สำหรับอ่านหนังสือก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ ลองปรับสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เป็นมิตรกับดวงตาดูสิครับ

  • แสงสว่างที่พอดี: ควรอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดหรือสว่างจ้าเกินไป ควรเป็นแสงธรรมชาติ หรือแสงจากโคมไฟที่ส่องตรงมาที่หนังสือโดยไม่สะท้อนเข้าตา การเลือกใช้หลอดไฟที่มีแสงสีขาวอมเหลือง (Warm White) ก็เป็นอีกทางเลือกที่สบายตามากกว่าแสงสีขาวจ้า
  • ระยะห่างที่เหมาะสม: น้องๆ ควรนั่งอ่านหนังสือในระยะห่างประมาณ 1 ฟุต หรือ 1 ไม้บรรทัดจากตา ถ้าใช้คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต ควรห่างประมาณ 20-28 นิ้ว (ประมาณ 50-70 เซนติเมตร) และจอควรอยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อให้ท่าทางสบายที่สุด
  • ปรับความสว่างหน้าจอ: หากอ่านหนังสือจากหน้าจอ ให้ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม ไม่สว่างจ้าเกินไป และลองเปิดโหมดลดแสงสีฟ้า (Blue Light Filter) ที่มีอยู่ในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตส่วนใหญ่ เพราะแสงสีฟ้าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตาล้าได้ง่าย

3.2 กิจกรรมช่วงพักเบรก 20 วินาที ที่ช่วยพักสายตาได้จริง

นอกจากการมองไกล 20 ฟุตแล้ว น้องๆ ยังสามารถทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในช่วง 20 วินาทีนั้นเพื่อผ่อนคลายดวงตาได้อีกนะครับ

  • มองออกไปนอกหน้าต่าง: ถ้ามีหน้าต่างอยู่ใกล้ๆ ให้มองออกไปนอกหน้าต่าง มองต้นไม้ ใบหญ้า หรือท้องฟ้า ที่มีสีเขียวหรือสีฟ้าสบายตา จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาได้ดีมากๆ ครับ
  • หลับตาเบาๆ: การหลับตาเพียงไม่กี่วินาทีก็ช่วยให้ดวงตาได้พักผ่อนและหล่อลื่นด้วยน้ำตาธรรมชาติ
  • กระพริบตาบ่อยๆ: ลองตั้งใจกระพริบตาถี่ๆ ประมาณ 10-20 ครั้ง การกระพริบตาช่วยให้น้ำตามาเคลือบผิวดวงตา ทำให้ตาไม่แห้ง
  • กลอกตาเบาๆ: ค่อยๆ กลอกตาไปมาเป็นวงกลม หรือมองขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา ช้าๆ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตาให้ผ่อนคลาย
  • มองวัตถุใกล้-ไกลสลับกัน: ลองยกนิ้วชี้ขึ้นมาในระดับสายตา ห่างจากหน้าประมาณ 1 ฟุต สลับกับการมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสลับกันประมาณ 10 ครั้ง เพื่อบริหารการโฟกัสของดวงตา

3.3 จัดตารางเวลาการอ่านหนังสือให้ลงตัว

การวางแผนที่ดีจะช่วยให้การอ่านหนังสือและการพักสายตาเป็นไปอย่างมีระบบมากขึ้นครับ

  • วางแผนการอ่าน: แบ่งเนื้อหาที่ต้องการอ่านหนังสือออกเป็นส่วนย่อยๆ กำหนดว่าแต่ละส่วนจะใช้เวลาอ่านนานแค่ไหน เพื่อให้รู้ว่าควรจะพักสายตาเมื่อไหร่
  • ตั้งนาฬิกาเตือน: ใช้แอปพลิเคชันจับเวลา หรือนาฬิกาปลุกเล็กๆ ตั้งเตือนทุก 20 นาที เพื่อให้น้องๆ ไม่ลืมที่จะพักสายตา การตั้งเตือนจะช่วยสร้างวินัยให้เราทำตามกฎ 20-20-20 ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • พักเบรกใหญ่: นอกจากการพักสายตาทุก 20 นาทีแล้ว หากน้องๆ อ่านนานเป็นชั่วโมงๆ หรือครึ่งวัน ควรมีช่วงพักเบรกใหญ่ประมาณ 10-15 นาทีทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เดินไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือทำกิจกรรมสั้นๆ ที่ผ่อนคลาย จะช่วยให้ร่างกายและสมองได้รีเฟรช และพร้อมกลับมาอ่านหนังสือต่อได้อย่างสดชื่น
  • ทำกิจกรรมอื่นๆ: ในช่วงพักเบรกใหญ่ น้องๆ อาจจะเดินไปดื่มน้ำ หรือยืดเหยียดร่างกายเบาๆ หรือบางทีก็อาจจะฟังเพลงโปรดสัก 2-3 นาที เพื่อให้ร่างกายได้ขยับและสายตาได้พักอย่างเต็มที่

3.4 อาหารบำรุงสายตาที่น้องๆ ควรทาน

การดูแลจากภายในก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตาเป็นประจำก็ช่วยเสริมให้ดวงตาแข็งแรงและลดอาการตาล้าได้

  • วิตามิน A: พบมากในแครอท ฟักทอง มะละกอ มะเขือเทศ ผักใบเขียวเข้ม ช่วยในการมองเห็นในที่แสงน้อยและบำรุงกระจกตา
  • โอเมก้า 3: พบในปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ช่วยลดอาการตาแห้ง และบำรุงจอประสาทตา
  • ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin): พบมากในผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ปวยเล้ง ผักโขม และข้าวโพด มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จอประสาทตา

คุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมอาหารเหล่านี้ให้น้องๆ ทานเป็นประจำได้เลยนะครับ เป็นการบำรุงจากภายในสู่ภายนอก

จากสายตาที่สบาย สู่สมาธิที่เยี่ยมยอด และผลการเรียนที่ดีขึ้น

เมื่อน้องๆ ได้เรียนรู้และนำเทคนิคการพักสายตา อ่านนาน ด้วย "กฎ 20-20-20" รวมถึงเทคนิคเสริมต่างๆ ไปใช้เป็นประจำ น้องๆ จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งเลยล่ะครับ

จากเดิมที่เคยตาล้า ปวดหัวง่ายๆ สมาธิหลุดบ่อยๆ ตอนนี้สายตาจะรู้สึกสบายขึ้น ไม่อ่อนล้าเร็ว ส่งผลให้อ่านหนังสือได้ยาวนานขึ้นและมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อ่านได้ดีกว่าเดิมมาก

สมาธิเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเรียนรู้ เมื่อสมาธิดี การทำความเข้าใจเนื้อหาก็จะง่ายขึ้น การจดจำก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องเสียเวลาอ่านซ้ำหลายรอบ เพราะทุกๆ ครั้งที่อ่านคือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

ท้ายที่สุดแล้ว การดูแลสุขภาพดวงตาให้ดี ด้วยการพักสายตาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแค่ช่วยให้น้องๆ สามารถอ่านนานเพื่อเตรียมสอบเข้า ม.1 ได้อย่างมั่นใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีในระยะยาว และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลการเรียนของน้องๆ ดีขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดด้วยนะครับ

บทสรุป

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ได้เห็นความสำคัญของการพักสายตา และนำ "กฎ 20-20-20" ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันนะครับ จำไว้นะครับว่า แค่สละเวลาเพียง 20 วินาที ทุกๆ 20 นาที ก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับการอ่านหนังสือของน้องๆ ได้อย่างมหาศาลเลย

การเตรียมสอบเข้า ม.1 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่ และการดูแลสุขภาพดวงตาที่ดี ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ครับ

อย่าลืมนะครับว่า การดูแลตัวเองก็สำคัญไม่แพ้การเรียนเลย สู้ๆ นะครับพี่ๆ เป็นกำลังใจให้เสมอ!

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ