“ตั้งใจจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้า ม.1 สักหน่อย แต่เปิดได้ไม่ถึง 10 นาที ใจก็ลอยไปคิดเรื่องอื่นแล้ว”... เสียงในใจแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่กำลังกังวลกับปัญหานี้อยู่หรือเปล่าครับ? ไม่ต้องห่วงเลยนะ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเลย!
การที่เรารู้สึกว่า อ่านหนังสือไม่มีสมาธิ หรือวอกแวกง่าย ไม่ใช่ว่าเราไม่เก่งหรือไม่ขยันนะครับ แต่มันเป็นเพราะ 'กล้ามเนื้อสมาธิ' ของเราอาจจะยังไม่แข็งแรงพอ ซึ่งข่าวดีก็คือ... สมาธิเป็นสิ่งที่ฝึกฝนกันได้! บทความนี้ พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 จะมาแชร์ วิธีฝึกสมาธิกับการอ่านหนังสือ ไม่วอกแวกง่ายๆ แบบจับมือทำ từngขั้นตอน ที่จะช่วยให้น้องๆ อ่านหนังสือได้นานขึ้น เข้าใจมากขึ้น และสนุกกับการเรียนรู้มากกว่าเดิมครับ
ทำไม "สมาธิ" ถึงเป็นสุดยอดอาวุธลับในการเตรียมสอบ?
น้องๆ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเพื่อนบางคนอ่านหนังสือแป๊บเดียวแต่กลับจำได้แม่นยำ? คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาฉลาดกว่าเราเสมอไป แต่อยู่ที่ "คุณภาพ" ของการอ่าน ซึ่งมาจากสมาธิล้วนๆ ครับ
การอ่านหนังสือแบบมีสมาธิก็เหมือนการเทน้ำลงในแก้วที่ไม่มีรูรั่ว ทุกหยดความรู้จะถูกเก็บไว้เต็มๆ แต่ถ้าเราอ่านไป เล่นมือถือไป ใจลอยไป ก็เหมือนเทน้ำลงในแก้วที่มีรูรั่วเต็มไปหมด เทเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็มสักที การมีสมาธิจึงช่วยให้เรา:
- เข้าใจเนื้อหาลึกซึ้ง: ไม่ใช่แค่การจำ แต่เป็นการทำความเข้าใจจริงๆ ทำให้เรานำไปประยุกต์ใช้กับโจทย์ยากๆ ได้
- ประหยัดเวลา: อ่านรอบเดียวแล้วเข้าใจ ดีกว่าอ่านซ้ำๆ หลายรอบแต่จำอะไรไม่ได้เลย
- ลดความเครียด: เมื่อเราอ่านหนังสือรู้เรื่อง ความกังวลและความกดดันในการเตรียมสอบก็จะลดความเครียดลงไปเยอะเลยครับ
Step 1: จัดการสภาพแวดล้อม กำจัด "ตัวร้าย" ทำลายสมาธิ
ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือ เราต้องสร้างปราการป้องกันสิ่งรบกวนกันก่อนครับ เพราะสมาธิของเราบอบบางกว่าที่คิด การเตรียมสภาพแวดล้อมให้พร้อมจึงเป็นด่านแรกที่สำคัญมากๆ
จัดโต๊ะอ่านหนังสือให้ 'คลีน' ที่สุด
ลองมองไปที่โต๊ะของน้องๆ ตอนนี้สิครับ มีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับวิชาที่กำลังจะอ่านวางอยู่บ้าง? หนังสือการ์ตูน? ของเล่น? หรือจานขนมที่กินค้างไว้? สิ่งเหล่านี้คือตัวดึงสมาธิชั้นดีเลยนะ
หลักการง่ายๆ คือ "Keep it Clean" บนโต๊ะควรมีแค่หนังสือเรียน สมุดโน้ต และอุปกรณ์เครื่องเขียนที่จำเป็นเท่านั้น การมีโต๊ะที่โล่งสะอาดตา จะช่วยให้สมองของเรารู้สึกปลอดโปร่งและพร้อมที่จะโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้นครับ
ปิดการแจ้งเตือน (Notification Killer Mode)
เสียง "ติ๊ง!" จากไลน์ เฟซบุ๊ก หรือเกม เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของสมาธิ แค่แวบเดียวที่น้องๆ เอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็อาจทำให้สมาธิที่กำลังก่อตัวพังทลายลงได้ในพริบตา
วิธีที่ดีที่สุดคือ เปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) หรือถ้าใจไม่แข็งพอ พี่แนะนำให้เอาโทรศัพท์ไปวางไว้อีกห้องหนึ่งเลย! ใช้หลัก "Out of Sight, Out of Mind" (เมื่อไม่เห็น ก็ไม่นึกถึง) รับรองว่าช่วยได้เยอะมากๆ ครับ
สื่อสารกับคนในบ้านให้เข้าใจ
อีกหนึ่งสิ่งรบกวนที่อาจเกิดขึ้นได้คือคนในครอบครัว (ด้วยความรักและเป็นห่วง) ที่อาจจะเข้ามาพูดคุย ชวนกินขนม หรือเรียกให้ไปทำนั่นทำนี่ระหว่างที่เรากำลังอ่านหนังสือพอดี
ลองกำหนด "เวลาอ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์" ของตัวเอง แล้วบอกกับคุณพ่อคุณแม่หรือพี่น้องให้ชัดเจน เช่น "คุณแม่ครับ หนูขอเวลาอ่านหนังสือ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึง 5 โมงเย็นนะครับ" การสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยให้ทุกคนเข้าใจและเคารพเวลาส่วนตัวของเรามากขึ้นครับ
Step 2: เทคนิคฝึกสมาธิระหว่างอ่าน ทำยังไงให้ใจอยู่กับตัว?
เมื่อจัดการสิ่งรบกวนภายนอกได้แล้ว ก็ถึงเวลาจัดการกับ "ใจ" ของเราเองแล้วครับ ซึ่งพี่ๆ มีเทคนิคเพิ่มสมาธิเจ๋งๆ ที่น้องๆ เอาไปปรับใช้ได้ทันทีมาฝากกัน
เทคนิค Pomodoro: แบ่งอ่านเป็นยกๆ พิชิตสมาธิ
การตั้งเป้าว่าจะอ่านหนังสือรวดเดียว 3 ชั่วโมง อาจทำให้เรารู้สึกท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ลองเปลี่ยนมาใช้เทคนิคที่ชื่อว่า "Pomodoro" (มะเขือเทศ) ดูสิครับ มันง่ายและสนุกกว่าที่คิดเยอะเลย
- ตั้งเวลาอ่าน 25 นาที: ในช่วงเวลานี้ ให้โฟกัสกับหนังสือตรงหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามวอกแวกเด็ดขาด!
- พักเบรก 5 นาที: เมื่อครบ 25 นาที ให้ลุกไปยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ หรือมองออกไปนอกหน้าต่าง (แต่ห้ามจับมือถือนะ!)
- ทำซ้ำ 4 รอบ: พอครบ 4 รอบ (ประมาณ 2 ชั่วโมง) ให้รางวัลตัวเองด้วยการพักยาวขึ้น 15-30 นาที
เทคนิคนี้เวิร์คมาก เพราะมันทำให้สมองรู้สึกว่าเป้าหมายไม่ไกลเกินเอื้อม และการมีเบรกสั้นๆ คั่น ก็เหมือนเป็นการชาร์จพลังให้สมาธิกลับมาเต็มอีกครั้ง
Active Reading: อ่านแบบมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่มองผ่านๆ
การนั่งมองตัวหนังสือเฉยๆ เป็นวิธีที่ทำให้ใจลอยได้ง่ายที่สุด เราต้องเปลี่ยนจากการอ่านแบบ пассив (Passive Reading) มาเป็น การอ่านเชิงรุก (Active Reading) คือการอ่านไปคิดไปและมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา
แล้วจะทำยังไงล่ะ? ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูครับ:
- ขีดเขียนและไฮไลต์: แต่! ไม่ใช่ระบายสีทั้งหน้านะครับ ให้เน้นเฉพาะ คำสำคัญ (Keyword) หรือประโยคที่เป็นใจความหลักจริงๆ เท่านั้น
- ตั้งคำถามกับตัวเอง: ขณะที่อ่าน ลองถามตัวเองว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?" "ส่วนนี้เชื่อมโยงกับเรื่องที่เคยเรียนมายังไง?"
- สรุปเป็นคำพูดของตัวเอง: หลังจากอ่านจบ 1 ย่อหน้า หรือ 1 หัวข้อ ลองเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามอธิบายสิ่งที่เพิ่งอ่านไปให้ตัวเองฟังแบบสั้นๆ ถ้าทำได้ แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว!
- ทำ Short Note: จดโน้ตย่อข้างๆ หน้ากระดาษ หรือในสมุดแยก จะช่วยให้เราจับประเด็นและจดจำได้ดีขึ้นมาก นี่คือหนึ่งในเทคนิคที่ทำให้ อ่านหนังสือยังไงให้จำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝึกหายใจกำหนดรู้: ปุ่มรีเซ็ตสมาธิฉบับพกพา
ระหว่างที่กำลังอ่านเพลินๆ แล้วรู้สึกว่า... เอ๊ะ! ใจลอยไปคิดเรื่องเกมซะแล้ว... อย่าเพิ่งหงุดหงิดตัวเองนะครับ ให้ลองกดปุ่มรีเซ็ตสมาธิด้วยเทคนิคง่ายๆ นี้
หยุดอ่านสักครู่... หลับตาลงช้าๆ... หายใจเข้าลึกๆ นับ 1-2-3-4... กลั้นหายใจแป๊บนึง... แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ นับ 1-2-3-4-5-6... ทำแบบนี้สัก 3-5 ครั้ง จะรู้สึกว่าใจที่ฟุ้งซ่านค่อยๆ สงบลง และเราก็พร้อมกลับไปโฟกัสกับหนังสือต่อได้แล้ว นี่คือการ ฝึกสมาธิอ่านหนังสือ ที่ง่ายและทรงพลังที่สุดครับ
Step 3: เคล็ดลับเสริมพลังสมอง บูสต์สมาธิจากภายใน
นอกจากการฝึกฝนระหว่างอ่านแล้ว การดูแลร่างกายและสมองให้พร้อมอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ เหมือนกับนักกีฬาที่ต้องดูแลร่างกายให้ฟิตตลอดเวลา
นอนหลับให้เพียงพอ
การอดนอนเพื่ออ่านหนังสือเป็นความคิดที่ผิดมหันต์! เพราะสมองที่อ่อนล้าจะไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ดี แถมยังทำให้สมาธิสั้นลงอีกด้วย น้องๆ ในวัยนี้ควรนอนหลับให้เพียงพอให้ได้ 8-10 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้สมองได้พักผ่อนและจัดระเบียบความทรงจำอย่างเต็มที่
ขยับร่างกายบ้าง
การนั่งนิ่งๆ นานเกินไปทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ลองตั้งเวลาให้ตัวเองลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุกๆ 1 ชั่วโมง หรือออกไปเดินเล่นสั้นๆ การขยับร่างกายจะช่วยเพิ่มออกซิเจนให้สมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิมากขึ้น
เลือกกินของว่างที่มีประโยชน์
เวลาอ่านหนังสือแล้วหิว อย่าเพิ่งคว้าขนมหวานๆ หรือน้ำอัดลมนะครับ เพราะน้ำตาลจะทำให้พลังงานพุ่งขึ้นเร็วและดิ่งลงเร็ว ซึ่งจะทำให้เราง่วงและหมดแรง ลองเปลี่ยนเป็นของว่างที่มีประโยชน์ เช่น ถั่วอัลมอนด์, โยเกิร์ต, กล้วย หรือแอปเปิ้ล จะช่วยให้พลังงานคงที่และดีต่อสมองมากกว่าครับ
บทสรุป: สร้างนิสัยแห่งสมาธิ พิชิตสนามสอบ ม.1
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ วิธีฝึกสมาธิกับการอ่านหนังสือ ไม่วอกแวกง่ายๆ ที่พี่ๆ นำมาฝากกัน จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเลยใช่ไหม? หัวใจสำคัญคือการเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ รอบตัว ทั้งการจัดสภาพแวดล้อมให้ดี, การใช้เทคนิคอย่าง Pomodoro และ Active Reading, ไปจนถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้พร้อม
พี่ๆ อยากให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่า การฝึกสมาธิก็เหมือนการฝึกกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ของร่างกาย วันแรกๆ อาจจะรู้สึกฝืนและทำได้ไม่นาน แต่ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน "กล้ามเนื้อสมาธิ" ของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนการอ่านหนังสือแบบมีสมาธิกลายเป็นเรื่องง่ายๆ และเป็นนิสัยติดตัวไปในที่สุด
ขอเพียงแค่อย่าท้อถอยและใจดีกับตัวเองในวันที่ทำได้ไม่ดีนัก ทีมงาน TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนในการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 นะครับ สู้ๆ!
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ