เทคนิคการเตรียมตัวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 23 กันยายน 2568

เตรียมสอบเข้า ม.1 เทคนิคการเรียน เด็กไม่ชอบอ่านหนังสือ

คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกเหนื่อยใจไหมครับ ที่พอบอกให้น้องๆ หยิบหนังสือเตรียมสอบขึ้นมาอ่านทีไร ก็เหมือนเห็นลูกหยิบยาขม? หรือสำหรับน้องๆ เอง ที่รู้สึกว่าการจ้องตัวหนังสือเป็นหน้าๆ มันช่างน่าเบื่อ ชวนให้ง่วงนอนเสียเหลือเกิน... พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลยครับ นี่ไม่ใช่ปัญหาของบ้านไหนบ้านหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับเด็กๆ ทุกคนในยุคดิจิทัลนี้

แต่ข่าวดีก็คือ การที่น้องๆ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ได้แปลว่าจะเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ไม่ได้นะครับ! บทความนี้พี่ๆ จะมาแชร์ เทคนิคการเตรียมตัวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย โดยเราจะเปลี่ยนมุมมองจากการ "บังคับให้อ่าน" มาเป็นการ "หาทางเรียนรู้" ในรูปแบบอื่นๆ ที่สนุกและมีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน มาดูกันเลยครับว่าเราจะเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร

เข้าใจก่อนว่าทำไม “การอ่าน” ถึงกลายเป็นยาขม?

ก่อนที่เราจะไปดูเทคนิคต่างๆ เรามาทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงกันก่อนดีกว่าครับว่าทำไมเด็กๆ หลายคนถึงเบือนหน้าหนีจากหนังสือ การเข้าใจตรงนี้จะทำให้คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เห็นภาพรวมและแก้ไขได้ตรงจุดมากขึ้น

  • แรงกดดันและความคาดหวัง: บ่อยครั้งที่การอ่านถูกผูกติดกับคำว่า "สอบ" หรือ "เกรด" ทำให้มันกลายเป็นหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความเครียด แทนที่จะเป็นการค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น
  • เนื้อหาไม่ดึงดูดใจ: ต้องยอมรับว่าตำราเรียนบางเล่มก็มีแต่ตัวหนังสือแน่นๆ ข้อมูลล้วนๆ ซึ่งอาจไม่ถูกจริตกับน้องๆ ที่คุ้นเคยกับสื่อที่เคลื่อนไหวรวดเร็วและมีสีสัน
  • มีสิ่งเร้าที่น่าสนใจกว่า: ในโลกที่มียูทูบ TikTok และเกมสนุกๆ อยู่แค่ปลายนิ้ว การจะดึงสมาธิกลับมาจดจ่อกับตัวหนังสือขาวดำจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
  • สไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่าง: เด็กบางคนเป็นผู้เรียนรู้ผ่านการฟัง (Auditory Learner) หรือผ่านการลงมือทำ (Kinesthetic Learner) การบังคับให้พวกเขาเรียนรู้ผ่านการอ่าน (Visual Learner) เพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ "ความผิด" ของใคร แต่เป็นเรื่องของธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เราก็จะพร้อมเปิดใจรับ วิธีเตรียมสอบเข้า ม.1 ในรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์กว่าเดิมครับ

เปลี่ยน "การอ่าน" ให้เป็น "การเรียนรู้" ที่สนุกขึ้น

หัวใจสำคัญคือการเลิกยึดติดว่า "การเตรียมสอบ = การอ่านหนังสือ" แต่ให้มองว่ามันคือ "การนำความรู้เข้าหัว" ซึ่งมีหลากหลายวิธีมากครับ พี่ๆ ขอแนะนำเทคนิคที่น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

เทคนิคที่ 1: เรียนรู้ผ่านการ "ฟัง" และ "ดู"

ใครว่าความรู้ต้องมาจากตัวหนังสือเสมอไป? ลองเปลี่ยนมาใช้หูและตาในรูปแบบอื่นดูสิครับ

  • ช่อง YouTube เพื่อการศึกษา: ปัจจุบันมีช่องดีๆ ที่ย่อยเรื่องวิทย์ คณิต สังคม ยากๆ ให้กลายเป็นคลิปวิดีโอที่สนุกและเข้าใจง่ายเต็มไปหมด ลองให้น้องๆ หาช่องที่ชอบแล้วดูวันละคลิปสองคลิป ก็เหมือนได้ทบทวนบทเรียนแล้ว
  • พอดแคสต์และหนังสือเสียง (Audiobook): สำหรับน้องๆ ที่ชอบฟัง ลองหาพอดแคสต์ความรู้รอบตัว หรือหนังสือเสียงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ นิทานสอนใจ สิ่งเหล่านี้ช่วยเปิดโลกกว้างและสร้างคลังความรู้โดยไม่รู้ตัว
  • สารคดี: ชวนกันดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์โลก ธรรมชาติ หรือประวัติศาสตร์ ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ แถมยังได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวด้วย

เทคนิคที่ 2: ลงมือทำคือการจำที่ดีที่สุด

สำหรับน้องๆ สายพลังงานเยอะ การนั่งนิ่งๆ คือฝันร้าย ลองเปลี่ยนมาเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Active Learning) กันดีกว่าครับ วิธีนี้จะทำให้ความรู้ติดทนนานกว่าการอ่านเฉยๆ หลายเท่า

  • วิชาวิทยาศาสตร์: ลองทำการทดลองง่ายๆ ที่บ้าน เช่น การปลูกถั่วงอกเพื่อเรียนเรื่องการเติบโตของพืช หรือการทำภูเขาไฟจำลองเพื่อเข้าใจปฏิกิริยาเคมี
  • วิชาคณิตศาสตร์: ใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันเป็นโจทย์ เช่น ชวนน้องๆ คำนวณเงินทอนตอนไปซื้อของ หรือช่วยกันวางแผนงบประมาณไปเที่ยว
  • วิชาสังคมศึกษา: แทนที่จะอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ในหนังสือ ลองไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หรืออุทยานประวัติศาสตร์จริงๆ การได้เห็นของจริงจะสร้างความเข้าใจและความทรงจำที่ดีกว่ามาก

เทคนิคที่ 3: ย่อยเนื้อหายาวๆ ให้เป็น "ชิ้นพอดีคำ"

การเจอกับหนังสือหนาเตอะอาจทำให้น้องๆ ท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ลองใช้เทคนิคย่อยข้อมูลให้เล็กลง จัดการง่ายขึ้นดูครับ

  • Mind Mapping: สอนน้องๆ ให้สรุปเนื้อหาที่เรียนมาเป็นแผนภาพความคิด ใช้สีสันและรูปวาดเข้ามาช่วย จะทำให้เห็นความเชื่อมโยงของเนื้อหาและจำได้ง่ายขึ้น
  • แฟลชการ์ด (Flashcards): ทำการ์ดคำศัพท์ สูตรคณิตศาสตร์ หรือคำถามสั้นๆ ไว้ด้านหน้าและคำตอบไว้ด้านหลัง แล้วนำมาเล่นทายกันในครอบครัว เป็นอีกหนึ่ง เทคนิคการเตรียมตัวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ที่ได้ผลดีมาก
  • เทคนิคโพโมโดโร (Pomodoro): ตั้งเวลา "ลุย" 25 นาที แล้ว "พัก" 5 นาที การมีเป้าหมายสั้นๆ และมีเวลาพักที่ชัดเจนจะช่วยให้น้องๆ มีสมาธิจดจ่อได้ดีขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป

สร้าง "แผนที่" สู่สนามสอบ ม.1 ฉบับเด็กไม่เน้นอ่าน

เมื่อเรามีเครื่องมือในการเรียนรู้ที่หลากหลายแล้ว ขั้นต่อไปคือการวางแผนเพื่อพิชิตเป้าหมายการสอบเข้า ม.1 ครับ การมีแผนที่ดีก็เหมือนมีแผนที่นำทาง ช่วยให้เราไม่หลงและไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น

ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำสำเร็จได้จริง

แทนที่จะตั้งเป้าใหญ่ๆ ว่า "วันนี้จะอ่านให้จบ 1 บท" ซึ่งอาจดูน่ากลัวเกินไป ลองเปลี่ยนเป็นเป้าหมายเล็กๆ ที่วัดผลได้ง่าย เช่น "วันนี้จะทำโจทย์คณิตให้ได้ 10 ข้อ" หรือ "วันนี้จะดูคลิปสรุปเรื่องระบบสุริยะให้เข้าใจ" การทำเป้าหมายเล็กๆ สำเร็จทุกวันจะช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้น้องๆ รู้สึกดีกับการเตรียมตัวมากขึ้น

ตะลุยโจทย์คือทางลัดสู่ความเข้าใจ

นี่คือหัวใจสำคัญและเป็น เทคนิคการเตรียมตัวสำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ที่มีประสิทธิภาพที่สุดครับ! การทำข้อสอบเก่าหรือแบบฝึกหัดเยอะๆ คือการเรียนรู้เชิงรุกที่ดีที่สุด เพราะ:

  • ช่วยให้เห็นแนวข้อสอบ: น้องๆ จะรู้ว่าข้อสอบชอบออกเรื่องอะไร ประเด็นไหนสำคัญ ทำให้โฟกัสได้ถูกจุดโดยไม่ต้องอ่านทุกหน้า
  • ฝึกการบริหารเวลา: การจับเวลาทำข้อสอบจะช่วยให้น้องๆ คุ้นเคยกับความกดดันในห้องสอบจริง
  • เจอจุดอ่อนของตัวเอง: เมื่อทำผิดข้อไหน ก็ค่อยย้อนกลับไปหาความรู้เฉพาะเรื่องนั้นๆ เป็นการเรียนรู้ที่ตรงเป้าและไม่เสียเวลา

การตะลุยโจทย์ไม่ใช่การท่องจำ แต่คือการฝึกกระบวนการคิดและทำความเข้าใจเนื้อหาผ่านการปฏิบัติจริง ซึ่งสนุกและท้าทายกว่าการอ่านแบบ passively (อ่านไปเรื่อยๆ) มากครับ

บทบาทของคุณพ่อคุณแม่: กองเชียร์คนสำคัญที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว กำลังใจจากคนในครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดครับ คุณพ่อคุณแม่คือโค้ชและกองเชียร์เบอร์หนึ่งของน้องๆ การสนับสนุนอย่างถูกวิธีจะช่วยให้การเตรียมตัวครั้งนี้ราบรื่นและเต็มไปด้วยความสุข

  • เป็นต้นแบบที่ดี: ลองหาเวลาว่างหยิบหนังสือมาอ่านให้ลูกเห็นบ้าง (ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือเรียน) เพื่อสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้
  • ชมเชยที่ความพยายาม: ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ให้ชื่นชมในความตั้งใจและความพยายามของน้องๆ สิ่งนี้จะช่วยสร้าง Growth Mindset ที่แข็งแกร่ง
  • ไม่เปรียบเทียบ: เด็กแต่ละคนมีจังหวะและวิธีการเรียนรู้เป็นของตัวเอง การเปรียบเทียบกับคนอื่นจะบั่นทอนกำลังใจและสร้างแรงกดดันโดยไม่จำเป็น
  • เปลี่ยนการติวให้เป็นเกม: ลองตั้งคำถามชิงรางวัลเล็กๆ น้อยๆ หรือเล่นเกมทายปัญหาจากเนื้อหาที่เรียนมา เปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆ ให้กลายเป็นช่วงเวลาคุณภาพของครอบครัว

การเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 อาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ก็เป็นโอกาสดีที่น้องๆ จะได้ค้นพบวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง และเป็นโอกาสที่คุณพ่อคุณแม่จะได้เข้าใจและใกล้ชิดกับลูกมากขึ้นครับ อย่าลืมว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่การสอบติด แต่คือการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้ที่จะอยู่กับน้องๆ ไปตลอดชีวิต

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะครับ! สู้ๆ ครับ!

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ