สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ที่น่ารักทุกคน! ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดีว่าช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากชั้นประถมปลายไปสู่มัธยมต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 นั้นเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกดดันและความกังวลสารพัดรูปแบบ ทั้งเรื่องการเรียนที่เข้มข้นขึ้น การสอบที่ต้องเจอคู่แข่งจำนวนมาก หรือแม้แต่ความคาดหวังจากคนรอบข้าง ซึ่งบางครั้งน้องๆ อาจเผลอเก็บเอาความรู้สึกไม่มั่นใจเหล่านี้มาคิดเล็กคิดน้อย จนทำให้พลังใจหดหายไปได้ง่ายๆ เลยนะครับ
เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาที่เราเจอเรื่องยากๆ หรือทำอะไรผิดพลาดไปนิดเดียว เสียงเล็กๆ ในหัวของเรามักจะดังขึ้นมาทันทีว่า “ฉันทำไม่ได้หรอก” “ฉันมันไม่เก่ง” หรือ “คนอื่นทำได้ดีกว่าฉันตั้งเยอะ” เสียงเหล่านี้แหละครับที่เราเรียกว่าการ พูดกับตัวเอง และถ้าหากเสียงที่ว่านั้นเป็นเสียงในแง่ลบ มันก็อาจจะดึงให้น้องๆ ท้อแท้และหมดกำลังใจได้ง่ายๆ เลยครับ
แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ! วันนี้พี่ๆ จาก TidMor1 อยากจะชวนน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับ “พลังวิเศษ” ที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน นั่นคือเทคนิคการ พูดกับตัวเองเชิงบวก (Positive Self-Talk) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพ สร้างความมั่นใจ และทำให้เราสามารถรับมือกับทุกความท้าทายได้อย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องสอบ หรือแม้แต่เรื่องในชีวิตประจำวันก็ตามครับ บทความนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าการ พูดกับตัวเองเชิงบวก คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และมีวิธีฝึกฝนอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด รับรองว่าอ่านจบแล้ว น้องๆ จะมีพลังใจเต็มเปี่ยม พร้อมลุยทุกสนามสอบแน่นอนครับ!
พูดกับตัวเองเชิงบวก (Positive Self-Talk) คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับน้องๆ วัยนี้?
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การพูดกับตัวเองเชิงบวก คืออะไรกันแน่? พูดง่ายๆ เลยก็คือ มันคือการที่น้องๆ เลือกที่จะใช้คำพูดหรือความคิดดีๆ มาคุยกับตัวเองในใจ แทนที่จะปล่อยให้ความคิดลบๆ มาครอบงำครับ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดให้กำลังใจ คำชมเชย หรือแม้แต่การให้โอกาสตัวเองได้ลองผิดลองถูก นี่คือการสร้าง "เพื่อนซี้" ที่ดีที่สุดในสมองของเราเองเลยก็ว่าได้ครับ
ทำไมสิ่งนี้ถึงสำคัญมากสำหรับน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 หรืออยู่ในช่วง ป.6 - ม.1 ล่ะครับ?
- ช่วยสร้างความมั่นใจ: เวลาที่น้องๆ ต้องเผชิญหน้ากับโจทย์ยากๆ หรือสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย การมีเสียงในใจที่คอยบอกว่า "ฉันทำได้" หรือ "ฉันจะพยายามให้เต็มที่" จะช่วยให้น้องๆ กล้าที่จะลอง ไม่กลัวความผิดพลาด และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมากขึ้นครับ
- ลดความกังวลและความเครียด: ช่วงสอบเป็นช่วงที่น้องๆ อาจจะรู้สึกเครียดง่าย การ พูดกับตัวเองเชิงบวก จะช่วยปรับมุมมองให้น้องๆ มองเห็นความท้าทายเป็นโอกาส ไม่ใช่เป็นอุปสรรค ทำให้ความกังวลลดลง และสามารถโฟกัสกับการเรียนได้อย่างเต็มที่
- เสริมสร้างกำลังใจ: น้องๆ จะรู้ว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องยากแค่ไหน ก็ยังมีตัวเองคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ เสียงในใจดีๆ นี่แหละครับที่จะเป็นเหมือนแบตเตอรี่ที่ช่วยเติมพลังให้น้องๆ ลุกขึ้นสู้ต่อได้ แม้ในวันที่รู้สึกท้อแท้ที่สุดก็ตาม
- พัฒนาทัศนคติที่ดี: การฝึก พูดกับตัวเองเชิงบวก ตั้งแต่ยังเด็กจะช่วยให้น้องๆ มีความคิดแบบ "Growth Mindset" คือเชื่อว่าตัวเองสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้เสมอ ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหน หรือเคยทำผิดพลาดมาเท่าไหร่ก็ตาม
พลังวิเศษที่ซ่อนอยู่ในสมองของเรา: การเปลี่ยนความคิดลบเป็นบวก
น้องๆ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมบางทีเราถึงรู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้ง่ายดายจัง? นั่นเป็นเพราะว่าสมองของเราทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ถูกโปรแกรมไว้ครับ ถ้าเราป้อนข้อมูลที่เป็นลบเข้าไปบ่อยๆ เช่น "ฉันโง่จัง" "ฉันไม่น่าทำแบบนี้เลย" สมองก็จะจดจำและเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง และก็จะแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นความรู้สึกท้อแท้ ไม่มีกำลังใจ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสเลยครับ
แต่ข่าวดีก็คือ เราสามารถ "เขียนโปรแกรม" ให้กับสมองของเราใหม่ได้ ด้วยการ พูดกับตัวเองเชิงบวก นี่แหละครับ เมื่อเราเลือกที่จะป้อนข้อมูลดีๆ เข้าไป เช่น "ฉันทำได้" "ฉันเรียนรู้จากความผิดพลาดได้" สมองก็จะเริ่มปรับเปลี่ยนวงจรความคิด และสร้างเส้นทางประสาทใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่ความรู้สึกที่ดีขึ้น ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพในการเรียนรู้ที่ดีขึ้นตามไปด้วย
นี่คือผลกระทบที่น่าทึ่งของ การพูดกับตัวเองเชิงบวก ที่มีต่ออารมณ์และผลการเรียนของน้องๆ:
- ส่งผลต่ออารมณ์: เมื่อเราคิดบวก เราจะรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และมีพลังงานมากขึ้น ทำให้อารมณ์ดี พร้อมที่จะเรียนรู้และเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ
- เพิ่มสมาธิในการเรียน: เมื่อใจไม่ว้าวุ่นกับความคิดลบๆ น้องๆ จะมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนมากขึ้น เข้าใจบทเรียนได้เร็วขึ้น และจดจำได้ดีขึ้น
- สร้างความกล้าที่จะลอง: เสียงในใจที่ดีจะผลักดันให้น้องๆ กล้าที่จะตอบคำถาม กล้าที่จะลองทำโจทย์ยากๆ หรือกล้าที่จะเข้าร่วมกิจกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเอง
- พัฒนาความยืดหยุ่นทางอารมณ์: น้องๆ จะเรียนรู้วิธีที่จะล้มแล้วลุกได้เร็วขึ้น ไม่จมอยู่กับความผิดหวังนานๆ เพราะรู้ว่าความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
เริ่มฝึก พูดกับตัวเองเชิงบวก ได้อย่างไร? 7 เทคนิคง่ายๆ ที่ทำได้จริง!
มาถึงช่วงที่สำคัญที่สุดแล้วครับ! พี่ๆ เข้าใจว่าการจะเปลี่ยนความคิดที่เคยชินอาจจะต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่รับรองว่าเทคนิคเหล่านี้เป็นสิ่งที่น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำไปแนะนำลูกๆ หรือฝึกไปพร้อมๆ กันได้เลยนะครับ
1. สังเกตและจับผิดความคิดของตัวเอง
ขั้นแรกคือการเป็นนักสืบความคิดของตัวเองครับ ลองสังเกตว่าในแต่ละวัน น้องๆ คิดอะไรกับตัวเองบ้าง? มีเสียงในหัวแบบไหนที่ดังขึ้นมาบ่อยๆ? ลองบันทึกความคิดเหล่านั้นลงในสมุดเล็กๆ หรือในมือถือก็ได้ครับ เช่น "ฉันคงสอบไม่ได้แน่ๆ" "วิชานี้มันยากเกินไปสำหรับฉัน" หรือ "เพื่อนคนนั้นเก่งกว่าฉันเยอะเลย"
การที่เรารับรู้ว่ากำลังมีความคิดลบเกิดขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดครับ เพราะถ้าไม่รู้ว่ากำลังคิดลบอยู่ ก็จะเปลี่ยนมันไม่ได้จริงไหมครับ?
2. เปลี่ยนประโยคที่ใช้พูดกับตัวเอง
เมื่อเราจับผิดความคิดลบๆ ได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการเปลี่ยนมันให้เป็นประโยค พูดกับตัวเองเชิงบวก ที่มีพลัง ตัวอย่างง่ายๆ:
- จาก: “ฉันทำไม่ได้หรอก”
เป็น: “ฉันจะลองพยายามให้เต็มที่ที่สุด ถ้าติดขัดตรงไหน ก็จะหาวิธีแก้ไขและขอความช่วยเหลือ” - จาก: “ฉันมันไม่เก่งวิชานี้”
เป็น: “ฉันอาจจะยังไม่เข้าใจวิชานี้ทั้งหมด แต่ฉันกำลังเรียนรู้และพัฒนาขึ้นทุกวัน” (สังเกตคำว่า "ยัง" นะครับ มันสำคัญมาก!) - จาก: “ฉันไม่น่าทำผิดพลาดเลย”
เป็น: “ไม่เป็นไร ความผิดพลาดคือโอกาสในการเรียนรู้ ฉันจะจำไว้และทำให้ดีขึ้นในครั้งหน้า” - จาก: “ฉันดูไม่ดีเลย”
เป็น: “ฉันเป็นคนที่มีคุณค่าในแบบของฉัน และฉันภูมิใจในตัวเอง”
การใช้คำว่า "ยัง" สำคัญมากนะครับ เพราะมันจะสื่อว่าเรากำลังอยู่ในกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา ไม่ใช่ว่าเราไม่เก่งไปตลอดชีวิต มันคือ Growth Mindset ที่เราอยากให้น้องๆ มีครับ
3. สร้างประโยค พูดกับตัวเองเชิงบวก ที่เป็นของตัวเอง
ประโยคที่ทรงพลังที่สุดคือประโยคที่มาจากใจน้องๆ เองครับ ลองคิดดูว่าอะไรคือกำลังใจที่น้องๆ อยากได้ยินมากที่สุด? ประโยคเหล่านั้นควรจะ:
- เฉพาะเจาะจง: เช่น "ฉันจะตั้งใจทำโจทย์คณิตศาสตร์ให้ครบ 10 ข้อวันนี้" แทนที่จะเป็น "ฉันจะตั้งใจเรียน"
- เป็นไปได้จริง: ไม่ต้องเวอร์วังอลังการ แต่เป็นสิ่งที่เราเชื่อว่าจะทำได้จริง
- สร้างพลัง: อ่านแล้วรู้สึกฮึกเหิม มีแรงสู้ต่อ
ตัวอย่างประโยค พูดกับตัวเองเชิงบวก ที่น้องๆ สร้างเองได้:
- “ฉันเก่งพอที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้เสมอ”
- “ทุกความผิดพลาดคือบทเรียนที่ทำให้ฉันแกร่งขึ้น”
- “ฉันมีสมาธิดีเยี่ยมและพร้อมรับมือกับการสอบ”
- “ฉันจะทำให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
- “ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง”
ลองเขียนประโยคเหล่านี้แปะไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ หรือตั้งเป็น Wallpaper ในมือถือ เพื่อให้น้องๆ เห็นบ่อยๆ และซึมซับเข้าไปในความคิดนะครับ
4. ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เหมือนการออกกำลังกาย
การ พูดกับตัวเองเชิงบวก ก็เหมือนกับการฝึกกล้ามเนื้อครับ ยิ่งฝึกบ่อยยิ่งแข็งแรง น้องๆ ควรฝึกทุกวัน ทำให้เป็นกิจวัตร ลองเริ่มต้นง่ายๆ ดังนี้:
- ตอนเช้า: ตื่นมาแล้วลองพูดประโยคให้กำลังใจตัวเองหน้ากระจก “วันนี้จะเป็นวันที่ดี ฉันพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ”
- ก่อนทำการบ้าน/อ่านหนังสือ: “ฉันจะตั้งใจทำทุกข้อให้ดีที่สุด”
- ก่อนสอบ: “ฉันเตรียมตัวมาดีแล้ว ฉันทำได้”
- ก่อนนอน: “วันนี้ฉันทำได้ดีแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”
ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้น้องๆ พูดกับตัวเองเชิงบวก ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความคิดน้องๆ ไปในที่สุดครับ
5. มองหาหลักฐานและจดบันทึกความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ
บางทีความคิดลบๆ อาจจะบอกน้องๆ ว่า "ฉันไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลย" แต่นั่นไม่จริงเลยครับ! ลองมองหาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าน้องๆ ทำได้ดี หรือมีความก้าวหน้าในเรื่องต่างๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
- วันนี้ฉันทำโจทย์คณิตศาสตร์ถูก 2 ข้อติดกัน
- ฉันสามารถจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้เพิ่มขึ้น 5 คำ
- ฉันช่วยคุณแม่ทำงานบ้านได้สำเร็จ
- ฉันสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ในสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิด
การจดบันทึกความสำเร็จเหล่านี้ จะช่วยตอกย้ำว่าน้องๆ มีความสามารถและมีพัฒนาการอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยเสริมพลังให้การ พูดกับตัวเองเชิงบวก มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากขึ้นครับ
6. เรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดพลาดอย่างเข้าใจ
ชีวิตคนเราไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดครับ น้องๆ อาจจะทำข้อสอบไม่ได้บ้าง ทำการบ้านผิดบ้าง หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกใจเพื่อนบ้าง สิ่งสำคัญคือเราจะ พูดกับตัวเอง อย่างไรเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น
- อย่าตอกย้ำตัวเอง: แทนที่จะพูดว่า “ฉันมันแย่ที่สุด” ให้เปลี่ยนเป็น “ฉันผิดพลาดไปแล้ว แต่ฉันจะเรียนรู้จากมัน”
- ให้อภัยตัวเอง: บอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร ทุกคนทำผิดพลาดได้ ฉันจะเริ่มต้นใหม่”
- มองหาบทเรียน: ถามตัวเองว่า “จากเรื่องนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้าง?”
การยอมรับความผิดพลาดและมองหามุมบวกจากมัน จะช่วยให้น้องๆ ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้โดยไม่เสียกำลังใจครับ
7. ฝึกการมีสติ (Mindfulness) เพื่อหยุดความคิดลบชั่วคราว
บางครั้งความคิดลบๆ ก็ถาโถมเข้ามาจนเราตั้งรับไม่ทัน การฝึกมีสติ หรือการอยู่กับปัจจุบัน จะช่วยให้น้องๆ สามารถหยุดวงจรความคิดลบได้ชั่วคราว ลองทำตามนี้ดูนะครับ
- เมื่อรู้สึกว่ากำลังคิดลบ ลองหลับตาลงสักครู่ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ
- รับรู้ถึงลมหายใจเข้า-ออก รับรู้ถึงเสียงรอบข้าง รับรู้ถึงสัมผัสต่างๆ
- เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ให้ถามตัวเองว่า "ตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่?" และค่อยๆ แทนที่ความคิดลบนั้นด้วยประโยค พูดกับตัวเองเชิงบวก ที่เตรียมไว้
การฝึกมีสติจะช่วยให้น้องๆ ได้ "รีเซ็ต" ตัวเอง และกลับมาพร้อมกับมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นครับ
บทบาทของคุณพ่อคุณแม่: ร่วมส่งเสริมลูกให้ พูดกับตัวเองเชิงบวก อย่างยั่งยืน
คุณพ่อคุณแม่คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาความคิดเชิงบวกของลูกๆ ครับ น้องๆ จะมีพลังใจที่แข็งแกร่งได้ ก็ต้องเริ่มจากที่บ้านนี่แหละครับ ลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะครับ
- เป็นแบบอย่างที่ดี: คุณพ่อคุณแม่ลองฝึก พูดกับตัวเองเชิงบวก ให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เมื่อเจอความท้าทาย ก็แสดงให้ลูกเห็นว่าเราสามารถรับมือกับมันได้ด้วยความคิดและคำพูดที่ดี
- สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้าง: ส่งเสริมให้ลูกกล้าที่จะพูดคุยถึงความรู้สึก ความกังวล หรือความผิดหวัง โดยไม่ถูกตัดสิน
- รับฟังและให้กำลังใจ: เมื่อลูกมาปรึกษา หรือบ่นถึงความกังวล ลองรับฟังอย่างตั้งใจ และให้กำลังใจในเชิงบวก เช่น “แม่รู้ว่าหนูทำได้” “พ่อเชื่อในความพยายามของลูกนะ”
- ช่วยลูกเปลี่ยนมุมมอง: แทนที่จะปล่อยให้ลูกจมอยู่กับความคิดลบ ลองชวนลูกคิดหาวิธีแก้ปัญหา หรือมองหามุมบวกจากสถานการณ์นั้นๆ เช่น “ถึงแม้ข้อนี้จะผิด แต่ลูกก็ได้เรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดแบบเดิมอีกในครั้งหน้านะ”
- หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ: การเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นบ่อยๆ อาจทำให้น้องๆ รู้สึกไม่มั่นใจและ พูดกับตัวเองเชิงลบ ได้ง่ายๆ ครับ
- ชมเชยความพยายาม: เน้นการชมเชยความพยายามและความก้าวหน้าของลูก มากกว่าผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบเสมอไป
การที่น้องๆ ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ จะเป็นรากฐานที่มั่นคงในการสร้างทัศนคติที่ดีและพลังใจที่แข็งแกร่งให้กับตัวน้องๆ เองครับ
คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพลัง Positive Self-Talk
นอกจากเทคนิคข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้การ พูดกับตัวเองเชิงบวก มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยให้น้องๆ มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ครับ
- ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและทำได้จริง: การมีเป้าหมายที่มองเห็นได้ จะช่วยให้การ พูดกับตัวเองเชิงบวก มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น และเมื่อทำสำเร็จ ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับน้องๆ ครับ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ส่งผลต่ออารมณ์และสมาธิอย่างมาก เมื่อร่างกายสดชื่น สมองก็จะทำงานได้ดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะคิดบวกได้ง่ายขึ้นครับ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด สร้างสารเอนดอร์ฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เราสามารถ พูดกับตัวเองเชิงบวก ได้อย่างมีพลัง
- หาแรงบันดาลใจ: การอ่านเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ หรือดูคลิปวิดีโอที่สร้างแรงบันดาลใจ จะช่วยเติมพลังบวกและกระตุ้นให้น้องๆ อยากจะพัฒนาตัวเอง
- อยู่กับคนคิดบวก: การได้พูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวที่มีทัศนคติเชิงบวก จะช่วยส่งต่อพลังดีๆ ให้กับเรา ทำให้เรามีแนวโน้มที่จะ พูดกับตัวเองเชิงบวก ตามไปด้วย
สรุป: สร้างพลังใจจากภายในด้วยการ พูดกับตัวเองเชิงบวก
น้องๆ ครับ การสอบเข้า ม.1 หรือการก้าวผ่านช่วงวัยประถมปลายไปสู่มัธยมต้น เป็นอีกก้าวสำคัญในชีวิตที่อาจมีความกดดันอยู่บ้าง แต่พี่ๆ เชื่อมั่นว่าน้องๆ ทุกคนมีพลังและศักยภาพที่จะก้าวผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่น้องๆ ได้เรียนรู้ที่จะเป็น "โค้ช" ที่ดีที่สุดของตัวเอง ด้วยการฝึก พูดกับตัวเองเชิงบวก อย่างสม่ำเสมอครับ
พลังของคำพูดที่เราใช้กับตัวเองนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิดนะครับ มันสามารถเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความรู้สึก และเปลี่ยนผลลัพธ์ในชีวิตของน้องๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อเราคิดบวก เราจะมีความมั่นใจ เราจะกล้าที่จะลอง เราจะเรียนรู้จากความผิดพลาด และเราจะมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นสู้ใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเส้นทางข้างหน้าจะเจออุปสรรคใดๆ ก็ตาม
คุณพ่อคุณแม่ครับ การสนับสนุนและเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดให้กับลูกๆ คือการเป็นแบบอย่างที่ดี และสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ลูกๆ พูดกับตัวเองเชิงบวก ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้ลูกๆ รู้สึกว่าพวกเขามีค่า มีความสามารถ และสามารถพัฒนาตัวเองได้เสมอครับ
TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนมีพลังใจที่แข็งแกร่งและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจในทุกๆ วันนะครับ และหากการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ทำให้คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิชาต่างๆ คือสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทำข้อสอบ น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่สามารถเข้ามาศึกษาแนวทางและชุดหนังสือเตรียมสอบที่มีคุณภาพของ TidMor1 ได้ตลอดเวลาครับ
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ