สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ที่น่ารักทุกคน ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดีว่าในเส้นทางการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 เนี่ย มันมีเรื่องให้ต้องลุ้น ต้องเครียด ต้องกังวลใจอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ บางครั้งน้องๆ อาจจะรู้สึกท้อแท้ ผิดหวังกับผลสอบที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือแม้แต่ทำแบบฝึกหัดแล้วเจอแต่ข้อผิดๆ จนหมดกำลังใจ
แต่พี่อยากจะบอกว่า... ไม่เป็นไรเลยครับ! ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่ใครๆ ก็เคยเจอ น้องๆ ไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ วันนี้พี่จะมาช่วยคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน อันล้ำค่า ให้ทุกก้าวที่พลาดพลั้งกลายเป็นบันไดที่พาเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคตครับ
เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ และใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร เพื่อให้น้องๆ เติบโตเป็นคนที่มีหัวใจที่แข็งแกร่ง และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในชีวิตนะครับ
เข้าใจและยอมรับ: ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน
เมื่อน้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง สิ่งแรกที่เรามักจะรู้สึกคือความผิดหวัง เสียใจ หรือแม้แต่โกรธตัวเอง นี่เป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ ครับ และการที่จะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้นั้น เราต้องเริ่มจากการเข้าใจและยอมรับความรู้สึกเหล่านี้ก่อนครับ
อนุญาตให้ตัวเองเศร้าและเสียใจได้
พี่เข้าใจว่าการที่เราตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้วผลไม่เป็นไปตามที่หวัง มันเจ็บปวดใช่ไหมครับ? น้องๆ อาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ หรือคุณพ่อคุณแม่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองยังดูแลลูกได้ไม่ดีพอ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และเติบโตครับ
แทนที่จะรีบเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้น หรือแสร้งทำเป็นไม่สนใจ พี่อยากให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ลองอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกเสียใจ ผิดหวัง หรือแม้แต่ร้องไห้ออกมาบ้าง การปลดปล่อยอารมณ์เหล่านี้ออกมาจะช่วยให้จิตใจของเราไม่แบกรับภาระมากเกินไป เปรียบเหมือนการที่เราปล่อยให้ไอน้ำเดือดๆ ระบายออกไปบ้างนั่นแหละครับ มันจะช่วยให้เราใจเย็นลง และพร้อมที่จะมองหาสาเหตุของปัญหาได้ดีขึ้น
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยได้: เป็นพื้นที่ปลอดภัย
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ บทบาทในช่วงเวลานี้สำคัญมากๆ เลยนะครับ น้องๆ ต้องการที่พึ่งพิงและกำลังใจครับ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ดีที่สุดคือการเป็น "พื้นที่ปลอดภัย" ให้น้องๆ ได้ระบายความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องกลัวการตัดสินหรือการตำหนิ
- รับฟังด้วยความเข้าใจ: แทนที่จะรีบสอน รีบวิจารณ์ ลองฟังสิ่งที่น้องๆ พูด หรือสีหน้าท่าทางที่น้องแสดงออกให้ดีก่อนครับ
- บอกให้น้องรู้ว่าไม่เป็นไร: ใช้คำพูดที่ปลอบโยน เช่น "ไม่เป็นไรนะลูก", "แม่/พ่อเข้าใจว่าหนูผิดหวัง" เพื่อให้น้องรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างๆ
- หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบ: ห้ามนำน้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้น้องรู้สึกแย่และขาดความมั่นใจ
การที่น้องๆ รู้สึกว่ามีคนเข้าใจและยอมรับในความรู้สึกของพวกเขา จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ในขั้นตอนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
วิเคราะห์และหาสาเหตุ: มองปัญหาอย่างสร้างสรรค์
เมื่อเรายอมรับความรู้สึกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกลับมามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลางที่สุดครับ การ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ไม่ได้หมายถึงการหาคนผิด แต่คือการทำความเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลว เพื่อที่เราจะนำมันมาปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
คำถามช่วยคิด: "เกิดอะไรขึ้น?" "ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?"
ลองชวนน้องๆ นั่งคุยกันอย่างใจเย็น เพื่อทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ อาจจะเริ่มด้วยคำถามง่ายๆ ที่ไม่ใช่การตำหนิ เช่น
- "น้องรู้สึกยังไงกับผลลัพธ์ที่ออกมาตอนนี้?"
- "เราลองมาคิดดูไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ผลออกมาแบบนี้?"
- "มีอะไรที่เราคิดว่าเราทำได้ดีแล้วบ้าง?"
- "แล้วมีตรงไหนที่เราคิดว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านี้ได้บ้าง?"
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องๆ แยกแยะปัจจัยต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวที่ไม่เพียงพอ, การบริหารเวลาในการทำข้อสอบ, ความตื่นเต้นกดดัน, หรือแม้แต่เรื่องสุขภาพในวันสอบ สิ่งสำคัญคือการมองหาสาเหตุที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ผิวเผินครับ
ชวนน้องๆ มองหาสิ่งที่ทำได้ดีแล้ว และสิ่งที่ต้องปรับปรุง
เป็นเรื่องง่ายที่เราจะจมอยู่กับความผิดพลาด แต่การจะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้ เราต้องมองหาด้านบวกด้วยครับ แม้จะล้มเหลว แต่ก็ต้องมีบางสิ่งที่เราทำได้ดี เช่น น้องอาจจะพยายามตั้งใจอ่านหนังสือมากๆ หรือแม้กระทั่งได้เรียนรู้แนวข้อสอบที่หลากหลายขึ้นจากการลงมือทำ
เมื่อมองเห็นสิ่งที่ดีแล้ว ก็ค่อยมามองหาสิ่งที่ต้องปรับปรุงครับ เช่น
- ด้านความรู้: น้องยังอ่อนวิชาไหนเป็นพิเศษ? หัวข้อไหนที่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้?
- ด้านทักษะ: น้องยังขาดทักษะการทำข้อสอบแบบไหน? เช่น การอ่านโจทย์ไม่ละเอียด การคำนวณผิดพลาดบ่อยๆ หรือการบริหารเวลาไม่เป็น
- ด้านจิตใจ: น้องมีความตื่นเต้นมากเกินไปไหม? มีความกดดันจากการคาดหวังหรือเปล่า?
การวิเคราะห์อย่างละเอียดจะช่วยให้เราเห็น "ช่องว่าง" ที่ต้องเติมเต็ม และวางแผนเพื่อก้าวต่อไปได้อย่างถูกต้องครับ
วางแผนเพื่อก้าวต่อไป: สร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จ
เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือสาเหตุของปัญหา ขั้นตอนต่อไปคือการนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนเพื่อการเปลี่ยนแปลงครับ การ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อเรามีแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
กำหนดเป้าหมายใหม่ที่ชัดเจนและเป็นไปได้
หลังจากวิเคราะห์แล้ว เราต้องช่วยน้องๆ กำหนดเป้าหมายใหม่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการสอบเข้าโรงเรียนเดิมก็ได้ครับ แต่อาจจะเป็นการพัฒนาตัวเองในด้านที่บกพร่อง เช่น
- "เป้าหมายต่อไปคือการทำคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ให้ดีขึ้น 10% ในการสอบครั้งหน้า"
- "เป้าหมายคือการฝึกทำโจทย์จับเวลาให้ครบ 5 ชุดภายในสัปดาห์นี้"
- "เป้าหมายคือการเรียนรู้ที่จะจัดการความกังวลก่อนสอบ"
เป้าหมายเหล่านี้ควรเป็นเป้าหมายที่ เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง เกี่ยวข้องกับเป้าหมายหลัก และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน (SMART Goals) เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพได้ชัดเจน และมีแรงจูงใจในการลงมือทำครับ
สร้างแผนการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง
เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาสร้าง "แผนที่" ที่จะพาไปถึงเป้าหมายนั้นครับ แผนนี้ควรจะปรับให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้และจุดแข็งจุดอ่อนของน้องๆ แต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
- การทบทวนจุดอ่อน: ถ้าอ่อนวิทย์ ก็เน้นวิทย์ ถ้าอ่อนเลข ก็เน้นเลข โดยอาจจะหาหนังสือสรุปเนื้อหา หรือแบบฝึกหัดที่ตรงจุดมาเพิ่มเติม
- การฝึกทำโจทย์: เน้นการทำโจทย์เก่าๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับแนวข้อสอบ และฝึกจับเวลาเพื่อบริหารจัดการเวลาจริง
- การปรึกษาครูหรือติวเตอร์: หากมีข้อสงสัยหรือติดขัดตรงไหน อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
- การดูแลสุขภาพ: อย่าลืมจัดสรรเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อผ่อนคลายความเครียด
การวางแผนที่ดีจะทำให้น้องๆ รู้สึกว่ามีทิศทาง ไม่ได้เดินไปแบบไร้จุดหมาย และนี่คือหัวใจสำคัญของการ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน
บทบาทของผู้ปกครองในการช่วยวางแผน
คุณพ่อคุณแม่สามารถมีส่วนร่วมในการวางแผนนี้ได้ โดยการเป็นโค้ชที่ดีให้กับลูก ไม่ใช่ผู้สั่งการครับ
- ร่วมกันสร้างแผน: ชวนน้องๆ มานั่งคุยกันว่าน้องอยากทำอะไรบ้าง มีอะไรที่คิดว่าทำได้ดีขึ้น
- สนับสนุนเครื่องมือ: จัดหาหนังสือ ตำรา หรือคอร์สเรียนเสริมที่จำเป็น
- สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้: จัดมุมอ่านหนังสือที่สงบ ปราศจากสิ่งรบกวน
- ให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ: ชื่นชมความพยายามเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน
ลงมือทำและเรียนรู้ที่จะปรับตัว: ความยืดหยุ่นคือกุญแจ
แผนการที่ยอดเยี่ยมจะไม่มีความหมายเลยถ้าไม่มีการลงมือทำ การ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและวินัยในการเดินตามแผน และที่สำคัญคือต้องพร้อมที่จะปรับตัวเมื่อเจออุปสรรค
วินัยและความสม่ำเสมอคือกุญแจ
การเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องที่ทำแค่ครั้งเดียวแล้วจะสำเร็จ การทำความเข้าใจเนื้อหาที่เคยผิดพลาด การฝึกฝนโจทย์ที่ยากๆ ต้องอาศัยความสม่ำเสมอครับ พี่แนะนำให้ทำตารางเวลาเรียนและทบทวนอย่างชัดเจน ทำตามตารางนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ทำสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหม: อาจจะเรียนวันละ 1-2 ชั่วโมง แต่ทำทุกวัน ดีกว่าเรียนรวดเดียว 5 ชั่วโมงแล้วหยุดไปหลายวัน
- ฝึกฝนจากความผิดพลาด: หยิบข้อที่เคยทำผิดมาทบทวนบ่อยๆ เพื่อให้เข้าใจหลักการที่ถูกต้อง
- บันทึกความก้าวหน้า: ทำเครื่องหมายหรือจดบันทึกว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง ทำได้ตามแผนไหม
การสร้างวินัยเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน จะสะสมเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ในที่สุดครับ
การฝึกฝนและทดลองวิธีใหม่ๆ
บางครั้งวิธีที่เราเคยใช้แล้วล้มเหลว อาจจะต้องเปลี่ยน ลองหาเทคนิคการเรียนรู้ใหม่ๆ ครับ
- สรุปเนื้อหาด้วย mind map: ช่วยให้เห็นภาพรวมและเชื่อมโยงความรู้
- สอนคนอื่น: การที่เราอธิบายเรื่องที่เราเข้าใจให้คนอื่นฟัง จะช่วยยืนยันว่าเราเข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ
- ใช้เทคโนโลยีช่วย: ลองหาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่ช่วยให้น่าสนใจมากขึ้น
อย่ากลัวที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ครับ เพราะการเรียนรู้ไม่มีรูปแบบตายตัว สิ่งที่เหมาะกับเพื่อนอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ การค้นหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเองคืออีกหนึ่งวิธีในการ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน
ความยืดหยุ่นเมื่อเจออุปสรรค
แน่นอนว่าในระหว่างทางอาจจะมีช่วงเวลาที่รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ หรือทำตามแผนไม่ได้ ไม่เป็นไรเลยครับ สิ่งสำคัญคือการยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ และพร้อมที่จะปรับตัว
- พักบ้าง: หากรู้สึกเหนื่อยล้าเกินไป การพักผ่อนชาร์จพลังเป็นเรื่องจำเป็นครับ
- ปรับแผน: หากแผนเดิมยากเกินไป หรือไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่หรือพี่ๆ TidMor1 เพื่อปรับแผนให้ยืดหยุ่นขึ้น
- มองหาแรงบันดาลใจ: อาจจะอ่านเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น หรือระลึกถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้
ความยืดหยุ่นนี้จะช่วยให้น้องๆ ไม่ท้อถอยกลางคัน และสามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ไปได้ครับ
บทบาทของคุณพ่อคุณแม่: กำลังใจสำคัญที่สุด
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ บทบาทของท่านนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญมากในการช่วยให้น้องๆ สามารถ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้อย่างแท้จริงครับ
ฟังให้มาก สอนให้น้อย
บางครั้งน้องๆ แค่อยากมีคนรับฟังสิ่งที่อยู่ในใจ โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกผิดหวัง การเป็นผู้ฟังที่ดีคือการแสดงออกถึงความรักและความเข้าใจที่ทรงพลังที่สุดครับ
- เปิดโอกาสให้ลูกได้พูด: ชวนคุยอย่างอ่อนโยน ไม่รีบตัดสินหรือเสนอทางออกทันที
- จับใจความสำคัญ: ฟังว่าลูกกำลังรู้สึกอะไร กังวลเรื่องอะไรจริงๆ
- ให้พื้นที่ทางอารมณ์: ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเสียใจนาน ปล่อยให้เขาได้แสดงความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ภายใต้การดูแลของคุณ
ชื่นชมความพยายาม ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างทัศนคติเชิงบวกให้น้องๆ การที่น้องๆ รู้สึกว่าความพยายามของพวกเขาได้รับการมองเห็นและชื่นชม จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเขากล้าที่จะลองใหม่ๆ แม้จะเคยล้มเหลวมาแล้วก็ตาม
- "พ่อ/แม่ภูมิใจในความพยายามของลูกนะที่อ่านหนังสือจนดึกทุกคืน"
- "ลูกเก่งมากเลยที่กล้าลุกขึ้นมาแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง"
- "ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง การที่ลูกตั้งใจทำเต็มที่แล้ว นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด"
การเน้นที่กระบวนการและ ความพยายาม จะช่วยให้น้องๆ มี Growth Mindset ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไปครับ
เป็นตัวอย่างที่ดีในการรับมือกับความผิดหวัง
เด็กๆ เรียนรู้จากสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่ได้ยิน คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องเคยเจอความผิดหวังในชีวิตใช่ไหมครับ? ลองเล่าให้น้องฟังบ้างว่าคุณพ่อคุณแม่เคยล้มเหลวอย่างไร และเรียนรู้ที่จะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้อย่างไร
การแสดงให้น้องเห็นว่าผู้ใหญ่ก็ผิดพลาดได้ และเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านมันไปได้อย่างไร จะเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
ทัศนคติที่เติบโต (Growth Mindset): หัวใจของการเรียนรู้จากความล้มเหลว
การจะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้อย่างยั่งยืนนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การมี "ทัศนคติที่เติบโต" หรือ Growth Mindset ครับ
Fixed Mindset vs. Growth Mindset
- Fixed Mindset (ทัศนคติแบบตายตัว): เชื่อว่าความสามารถหรือสติปัญญาเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาได้ คนที่มีทัศนคติแบบนี้มักจะกลัวความล้มเหลว เพราะกลัวว่ามันจะสะท้อนว่าพวกเขา "ไม่เก่งจริง"
- Growth Mindset (ทัศนคติที่เติบโต): เชื่อว่าความสามารถและสติปัญญาสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายาม การเรียนรู้ และการฝึกฝน คนที่มีทัศนคติแบบนี้จะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต
แน่นอนว่าเราอยากให้น้องๆ มี Growth Mindset ใช่ไหมครับ?
สอนให้น้องๆ เชื่อว่าความสามารถพัฒนาได้
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยปลูกฝัง Growth Mindset ได้ด้วยการเน้นย้ำถึงพลังของความพยายามและกระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ ลองใช้คำพูดเหล่านี้บ่อยๆ
- "ลูกยังทำไม่ได้ ในตอนนี้ แต่ถ้าพยายามต่อไปลูกก็จะทำได้"
- "สิ่งที่สำคัญคือความพยายามและสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากมัน"
- "สมองของเราก็เหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้ยิ่งแข็งแรง"
การบอกเล่าเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการไม่ยอมแพ้และเรียนรู้จากความผิดพลาด ก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ได้ครับ
มองความท้าทายเป็นโอกาส
สำหรับน้องๆ ที่กำลังเตรียมสอบเข้า ม.1 ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งการแข่งขันที่สูง เนื้อหาที่ยากขึ้น และความกดดันจากความคาดหวัง การที่จะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน ได้ น้องๆ ต้องมองว่าความท้าทายเหล่านี้คือโอกาสในการฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
ทุกๆ ข้อสอบที่ทำผิด คือโอกาสที่จะได้เรียนรู้เนื้อหาใหม่ๆ หรือเทคนิคการทำข้อสอบใหม่ๆ ทุกครั้งที่รู้สึกท้อ คือโอกาสที่จะได้ฝึกความอดทนและความพากเพียรครับ
บทสรุป: ความล้มเหลวคือของขวัญที่หาซื้อไม่ได้
เป็นยังไงบ้างครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ที่น่ารัก? พี่หวังว่าแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้เราทุกคนมอง "ความล้มเหลว" ได้ในมุมมองที่แตกต่างออกไปนะครับ การที่จะ เปลี่ยนล้มเหลวเป็นบทเรียน นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
มันเริ่มต้นจากการยอมรับความรู้สึกผิดหวัง มองหาสาเหตุอย่างใจเย็น วางแผนอย่างรอบคอบ ลงมือทำอย่างมีวินัย และที่สำคัญที่สุดคือการมีทัศนคติที่เติบโต หรือ Growth Mindset ที่เชื่อว่าทุกความผิดพลาดคือโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง
จำไว้นะครับว่า ผลลัพธ์จากการสอบ หรือจากความพยายามครั้งไหนๆ ก็ตาม ไม่ได้เป็นตัวตัดสินคุณค่าของน้องๆ เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่น้องๆ ได้เรียนรู้จากมัน ได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ได้เป็นคนที่มีหัวใจที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้
ทีมงาน TidMor1 เชื่อมั่นในศักยภาพของน้องๆ ทุกคน และขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เสมอ ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเจออะไร ขอให้จำไว้ว่าทุกก้าวที่พลาดไป จะเป็นบทเรียนที่มีค่าและทำให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ สู้ๆ นะ!
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ