สวัสดีครับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน เคยไหมครับที่น้องๆ รู้สึกท้อแท้ หงุดหงิด หรือบางทีก็ไม่อยากเริ่มอ่านหนังสือเอาซะเลย โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจอกับ "วิชาที่ยาก" หรือ "หัวข้อที่ซับซ้อน" อย่างวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสูตรและทฤษฎี หรือคณิตศาสตร์ที่ต้องเจอโจทย์ยากๆ คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่ได้คำตอบ
ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติมากครับ พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดี เพราะตอนเป็นนักเรียนก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน ความยากของวิชาเหล่านี้บางทีก็ทำให้เราอยากผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กองพอกพูนจนตามไม่ทัน และความกังวลใจก็ตกไปอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่ด้วยใช่ไหมครับ
แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ! วันนี้พี่มี เทคนิค Eat the Frog จัดการวิชายาก ที่จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนสถานการณ์เหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ น้องๆ จะได้กล้าเผชิญหน้ากับความยาก และคุณพ่อคุณแม่ก็จะเบาใจมากขึ้น เทคนิคนี้ไม่ซับซ้อนเลยครับ แต่ทรงพลังมากๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่าเป็นยังไง?
Eat the Frog คืออะไร? ทำไมต้อง "กินกบ"?
คำว่า "Eat the Frog" มาจากคำกล่าวของนักเขียนชื่อดัง Mark Twain ที่ว่า "ถ้างานแรกที่คุณต้องทำในแต่ละวันคือการกินกบทั้งเป็นๆ คุณจะรู้ได้ว่าตลอดทั้งวันนั้นไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว"
ฟังดูอาจจะน่ากลัวนะครับ แต่ใจความสำคัญของมันก็คือ ให้เรา จัดการวิชายาก หรือทำงานที่ยากที่สุด น่าเบื่อที่สุด หรือที่เราไม่อยากทำที่สุดให้เสร็จเป็นอย่างแรกในแต่ละวันครับ!
ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเราเริ่มต้นวันด้วยการทำสิ่งที่ท้าทายที่สุดให้สำเร็จไปก่อน พลังงานและความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากความสำเร็จเล็กๆ นี้จะช่วยให้เรามีแรงฮึดในการทำอย่างอื่นต่อไปได้อย่างราบรื่นตลอดทั้งวันเลยครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยนะ
ทำไมเทคนิค Eat the Frog ถึงเหมาะกับการเรียนของน้องๆ?
พี่เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ที่รู้สึกโล่งใจสุดๆ เวลาทำสิ่งที่ยากที่สุดสำเร็จไปแล้วใช่ไหมครับ นั่นแหละคือพลังของ Eat the Frog! มาดูกันว่าทำไมเทคนิคนี้ถึงเหมาะกับการ จัดการวิชายาก ของน้องๆ:
- ลดการผัดวันประกันพรุ่ง: เมื่อรู้ว่าต้อง จัดการวิชายาก ก่อนเป็นอันดับแรก เราจะไม่มีข้ออ้างในการเลื่อนไปทำอย่างอื่นที่ง่ายกว่าอีกต่อไป
- สร้างความมั่นใจ: การที่น้องๆ สามารถเอาชนะวิชาที่ยากได้ตั้งแต่เริ่มต้นวัน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรู้สึกดีกับตัวเองมากๆ เลยครับ
- เพิ่มสมาธิ: การรู้ว่าต้องโฟกัสกับเรื่องที่ยากที่สุดเป็นอันดับแรก ทำให้เราใช้พลังสมองและความตั้งใจที่มีมากที่สุดในช่วงเช้าได้อย่างเต็มที่
- ลดความกังวล: เมื่อ "กบ" ตัวใหญ่ถูกกินไปแล้วตลอดทั้งวันที่เหลือก็จะรู้สึกโล่งใจ และมีพลังงานไปทำอย่างอื่นที่ง่ายกว่าได้สบายๆ
- พัฒนาวินัย: การฝึกทำสิ่งที่ยากก่อนเป็นประจำจะช่วยสร้างนิสัยที่ดีในการเรียนและการใช้ชีวิตในระยะยาวครับ
กบของน้องๆ คืออะไร? มาหา "กบ" ตัวใหญ่กันเถอะ!
ก่อนจะลงมือ Eat the Frog จัดการวิชายาก เราต้องรู้ก่อนว่า "กบ" ของเราคืออะไร? กบในที่นี้ก็คือวิชาหรือหัวข้อที่น้องๆ รู้สึกว่ายากที่สุด ไม่เข้าใจที่สุด หรือไม่ชอบเอาเสียเลยนั่นเองครับ
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องๆ สำรวจได้นะครับ ลองตั้งคำถามเหล่านี้ดู:
- วิชาไหนที่น้องๆ มักจะข้ามไปเป็นวิชาสุดท้ายเวลาอ่านหนังสือ?
- หัวข้อไหนที่แค่เห็นก็ถอนหายใจแล้ว?
- วิชาไหนที่ทำให้น้องๆ รู้สึกกังวลมากที่สุดเมื่อใกล้สอบ?
- โจทย์แบบไหนที่น้องๆ มักจะติดหรือไม่เข้าใจที่สุด?
ไม่ว่าจะเป็น "ฟิสิกส์ ม.1" ที่มีโจทย์คำนวณซับซ้อน "เคมี ป.6" ที่มีสมการชวนปวดหัว หรือ "ชีววิทยา" ที่ต้องจำศัพท์เยอะแยะ สิ่งเหล่านั้นคือกบของน้องๆ ที่ต้องรีบจัดการก่อนเพื่อนเลยครับ
ขั้นตอนการ Eat the Frog จัดการวิชายาก อย่างได้ผล
1. ตื่นเช้ามาก็ "กินกบ" เลย!
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่สมองยังสดใสที่สุด และยังไม่มีเรื่องอื่นมารบกวนมากนัก จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการ จัดการวิชายาก ให้เสร็จไปก่อนครับ
แทนที่จะเริ่มวันด้วยการไถมือถือ หรือทำอะไรเบาๆ ลองเปลี่ยนมานั่งทำโจทย์วิชาที่ยากที่สุดสัก 30-60 นาที หรือทบทวนบทเรียนที่ยังไม่เข้าใจให้ลึกซึ้งดูนะครับ พลังงานและความสดชื่นในตอนเช้าจะช่วยให้น้องๆ เข้าใจและจดจำได้ดีกว่าช่วงเวลาอื่นแน่นอน
2. วางแผนการ "กินกบ" ให้ดี (กินกบตัวไหนก่อน?)
ใช่ครับ เราต้องวางแผนก่อนว่าจะกินกบตัวไหน! ถึงแม้จะเป็นวิชายากเหมือนกัน แต่น้องๆ อาจจะรู้สึกว่าวิชาคณิตศาสตร์ยากกว่าวิชาวิทยาศาสตร์ หรือบางทีแค่หัวข้อเรื่อง "งานและพลังงาน" ในวิชาวิทยาศาสตร์ก็ยากกว่าเรื่องอื่นๆ แล้ว
ให้เลือก "กบ" ตัวที่ยากที่สุด และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกน้องๆ มากที่สุดก่อน จากนั้นค่อยเรียงลำดับความยากง่ายลงมา การมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะลุยเรื่องอะไรในแต่ละวันจะช่วยให้เราไม่หลงทางครับ
3. แบ่ง "กบ" ตัวใหญ่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ
กบตัวใหญ่ๆ อย่างวิชาวิทยาศาสตร์ทั้งเล่ม หรือคณิตศาสตร์ทั้งเทอม อาจจะดูน่ากลัวจนน้องๆ ไม่อยากเริ่มใช่ไหมครับ เคล็ดลับคือการ "หั่นกบ" ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ครับ
แทนที่จะคิดว่า "วันนี้ต้องอ่านวิทยาศาสตร์ให้หมด" ให้เปลี่ยนเป็น "วันนี้จะทำโจทย์ไฟฟ้าเรื่องวงจรอนุกรม-ขนาน 5 ข้อ" หรือ "วันนี้จะทบทวนเรื่องการจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ" การแบ่งเป้าหมายให้เล็กลงและเฉพาะเจาะจง จะทำให้น้องๆ รู้สึกว่ามันเป็นไปได้และลงมือทำได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
- กำหนดเป้าหมายย่อย: แทนที่จะอ่านทั้งบท ลองเลือกแค่หัวข้อเดียว
- จำกัดเวลา: ตั้งเวลาไว้ 25-30 นาที (เช่น Pomodoro Technique) เพื่อทำแค่งานนั้นๆ
- เน้นคุณภาพ: ไม่ต้องรีบทำหลายข้อ แต่เน้นความเข้าใจในแต่ละข้อ
4. ลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
เมื่อรู้แล้วว่ากบตัวไหนที่ต้องกิน และจะกินอย่างไร ก็ถึงเวลาลงมือทำครับ! ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการ จัดการวิชายาก คือการเริ่มต้นนี่แหละ
พี่อยากให้น้องๆ ลองทำทันทีที่ตื่นนอน หรือทันทีที่จัดตารางเรียนแล้ว การกระโดดลงไปทำเลยโดยไม่ต้องคิดมาก จะช่วยให้น้องๆ ก้าวข้ามความลังเลและผลัดวันประกันพรุ่งได้ง่ายขึ้นครับ ลองให้เวลาตัวเองกับกบตัวนั้นอย่างน้อย 20-30 นาที แล้วจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเสมอไป
5. ให้รางวัลตัวเองหลัง "กินกบ" สำเร็จ
เมื่อน้องๆ จัดการวิชายาก หรือทำโจทย์ยากๆ เสร็จไปแล้ว ก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองด้วยนะครับ! รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เช่น พักดูการ์ตูนที่ชอบสักตอน เดินเล่นรอบบ้าน ดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ หรือเล่นเกมสั้นๆ สัก 15 นาที
การให้รางวัลตัวเองจะช่วยให้สมองจดจำความรู้สึกดีๆ ที่เชื่อมโยงกับการทำสิ่งที่ยากสำเร็จ และจะทำให้น้องๆ มีกำลังใจที่จะ Eat the Frog ในวันต่อไปครับ
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคุณพ่อคุณแม่
คุณพ่อคุณแม่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนน้องๆ ให้ใช้เทคนิคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ ไม่ใช่แค่การบอกให้ลูกไป จัดการวิชายาก แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้:
- ชวนคุย: ถามไถ่ว่า "กบ" ของน้องๆ คืออะไร และให้กำลังใจเมื่อน้องๆ ตัดสินใจลงมือทำ
- จัดตารางเวลา: ช่วยน้องๆ จัดตารางเรียน โดยจัดวิชาที่ยากที่สุดไว้ในช่วงเช้า
- สร้างสภาพแวดล้อม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่อ่านหนังสือของน้องๆ เงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน
- สังเกตและให้กำลังใจ: เมื่อน้องๆ ทำสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงกบตัวเล็กๆ ก็ควรชื่นชมและให้กำลังใจ
- อย่าเปรียบเทียบ: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะกบของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ
สรุป: เปลี่ยนความกลัวให้เป็นพลังด้วย Eat the Frog
การจัดการวิชายาก ไม่ได้หมายถึงการต้องเก่งไปเสียทุกเรื่องนะครับ แต่คือการมีวิธีคิดและวิธีจัดการกับความท้าทายอย่างมีกลยุทธ์ เทคนิค Eat the Frog เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่จะช่วยให้น้องๆ เติบโตขึ้น ไม่ใช่แค่ในด้านการเรียน แต่รวมถึงการสร้างวินัยและความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ในชีวิตด้วยครับ
พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่ง่ายในวันแรกๆ แต่ขอให้น้องๆ ลองเปิดใจและให้โอกาสตัวเองได้ลองทำนะครับ ค่อยๆ เริ่มจากกบตัวเล็กๆ ไปก่อน แล้วความสำเร็จเล็กๆ เหล่านั้นจะสั่งสมเป็นกำลังใจให้เรากล้ากินกบตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครับ พี่ๆ TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนนะครับ!
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ