คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ เคยไหมครับที่ต้องเจอวิชาที่รู้สึกว่า... “ไม่ชอบเลย” หรือ “ไม่เข้าใจสักที” ทั้งๆ ที่พยายามแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย? พี่ๆ TidMor1 เข้าใจดีครับว่าความรู้สึกนี้มันน่าหงุดหงิดใจแค่ไหน ทั้งกับน้องๆ ที่ต้องเผชิญกับบทเรียนยากๆ และคุณพ่อคุณแม่ที่เห็นลูกไม่สบายใจ
บางทีน้องๆ อาจจะคิดว่าวิชานั้นยากเกินไป น่าเบื่อ ไม่เห็นประโยชน์ หรือบางทีก็แค่รู้สึกไม่ชอบไปเลยตั้งแต่แรก แต่ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ เพราะวันนี้พี่ๆ TidMor1 จะชวนทุกคนมาหาวิธีเปลี่ยนความรู้สึกนั้น ให้กลายเป็นพลังวิเศษที่ชื่อว่า “ความอยากรู้” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วย กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน และทำให้น้องๆ สนุกกับการเรียนได้มากขึ้น แม้จะเป็นวิชาที่เคยไม่ชอบก็ตาม! เรามาดูกันดีกว่าว่าต้องทำยังไงบ้าง
ทำไมบางวิชาถึง 'ไม่โดนใจ' น้องๆ?
ก่อนที่เราจะเริ่มสร้าง ความอยากรู้ ได้ เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้น้องๆ บางคนรู้สึกไม่ชอบหรือไม่ถนัดวิชาบางวิชาได้ขนาดนี้ครับ การรู้ต้นตอของปัญหานั้นสำคัญมาก เหมือนกับว่าเรากำลังจะวางแผนเดินทาง แต่ยังไม่รู้จุดหมายปลายทางเลยนั่นแหละครับ
เข้าอกเข้าใจสาเหตุ: เบื่อ ไม่เข้าใจ ยากไป ไม่เห็นประโยชน์
- เบื่อหน่าย ไม่น่าสนใจ: หลายครั้งที่วิชาบางวิชาอาจจะถูกสอนด้วยวิธีที่น่าเบื่อ หรือน้องๆ รู้สึกว่าเนื้อหามันแห้งแล้ง ไม่น่าดึงดูดใจ ทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจที่จะเรียนรู้ต่อเลยครับ
- ไม่เข้าใจพื้นฐาน: ถ้าพื้นฐานของวิชานั้นไม่แน่น หรือพลาดการเรียนรู้บางส่วนไปตั้งแต่แรก ก็จะทำให้น้องๆ รู้สึกว่าวิชาที่เรียนต่อมานั้นยากและซับซ้อนเกินไป จนตามไม่ทันและท้อแท้ในที่สุด
- ยากเกินวัย หรือซับซ้อนเกินไป: บางทีเนื้อหาก็อาจจะยากเกินกว่าที่น้องๆ จะเข้าใจได้ในวัยนั้น หรือโครงสร้างของบทเรียนอาจจะซับซ้อนจนทำให้รู้สึกท้อแท้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเรียน
- ไม่เห็นประโยชน์ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร: สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญเลยครับ หากน้องๆ ไม่เห็นว่าวิชานั้นๆ มีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน หรือจะนำไปใช้ในอนาคตได้อย่างไร ก็จะไม่มีแรงจูงใจที่จะ กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน ในวิชานั้นๆ ขึ้นมาได้
ผลกระทบเมื่อหมดความสนใจ: เรียนไม่สนุก ผลการเรียนตก
เมื่อน้องๆ ไม่ชอบวิชาใดวิชาหนึ่ง ผลกระทบที่ตามมาไม่ใช่แค่ความรู้สึกไม่สบายใจนะครับ แต่ยังส่งผลต่อการเรียนโดยตรงอีกด้วย:
- เรียนไม่สนุก ไม่มีความสุข: การเรียนกลายเป็นภาระแทนที่จะเป็นเรื่องสนุก ทุกวันที่ต้องเข้าเรียนวิชานั้นก็เหมือนกับการต้องไปทำสิ่งที่ไม่อยากทำ
- ประสิทธิภาพการเรียนลดลง: เมื่อขาดความสนใจ สมาธิก็มักจะไม่อยู่กับบทเรียน ทำให้การจดจำและการทำความเข้าใจลดลงไปมาก
- ผลการเรียนย่ำแย่: แน่นอนว่าเมื่อประสิทธิภาพการเรียนลดลง ผลการสอบหรือผลการเรียนโดยรวมของวิชานั้นๆ ก็มักจะออกมาไม่ดีอย่างที่หวัง
- สูญเสียโอกาสในการค้นพบตัวเอง: บางทีวิชาที่น้องไม่ชอบ อาจจะมีบางส่วนที่เชื่อมโยงกับความสนใจหรือความสามารถพิเศษของน้องโดยที่ยังไม่รู้ตัว การปิดกั้นตัวเองตั้งแต่แรก อาจทำให้น้องพลาดโอกาสดีๆ ในการค้นพบศักยภาพของตัวเองไปได้นะครับ
กุญแจสำคัญ: การเปลี่ยน 'ความไม่ชอบ' ให้เป็น 'ความอยากรู้'
พี่ๆ เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ครับ และความสามารถนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มที่เมื่อน้องๆ มี ความอยากรู้ เป็นแรงขับเคลื่อน ไม่ใช่แค่การถูกบังคับให้เรียน การเปลี่ยนจากความรู้สึก "ไม่ชอบ" ให้เป็น "อยากรู้" ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่มันคือการปรับเปลี่ยนมุมมองและหาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองต่างหากครับ
ปรับมุมมอง: ทุกวิชามีความสำคัญ
ลองคิดดูนะครับว่าในโลกของเรามีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล? ทุกสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป มีความเชื่อมโยงกันหมด เช่นเดียวกันกับวิชาต่างๆ ในโรงเรียนครับ
- มองหาคุณค่า: ลองมองหามูลค่าของแต่ละวิชาว่ามันให้อะไรกับเราได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นทักษะการคิดวิเคราะห์, การสื่อสาร, การแก้ปัญหา หรือแม้แต่การเข้าใจโลกใบนี้
- ไม่มีวิชาไหนไร้ประโยชน์: อาจจะดูเหมือนบางวิชาไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันโดยตรง แต่เชื่อเถอะครับว่าทุกวิชามีส่วนช่วยพัฒนาสมอง พัฒนาทักษะ และมุมมองของเราให้กว้างขึ้น เหมือนกับการเล่นเกมที่แต่ละด่านก็จะช่วยให้เราเก่งขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้นครับ
- สร้างความเชื่อมั่น: การเชื่อว่าทุกวิชามีความสำคัญและเราสามารถเรียนรู้ได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการ กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน ของเราเอง
พลังของ 'ความอยากรู้': จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี
เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเราถึงชอบดูการ์ตูนเรื่องนั้นๆ หรือชอบเล่นเกมบางเกมมากๆ? นั่นเป็นเพราะมันมีบางอย่างที่ทำให้เรา "อยากรู้" ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจะผ่านด่านนี้ไปได้อย่างไรใช่ไหมครับ?
- ความอยากรู้คือเชื้อเพลิง: เมื่อน้องๆ มีความอยากรู้ มันจะเหมือนมีพลังงานพิเศษที่ผลักดันให้เราค้นคว้า ทดลอง และพยายามทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
- เรียนรู้แบบมีความหมาย: การเรียนรู้ที่เกิดจากความอยากรู้ จะเป็นการเรียนรู้ที่ติดตัวเราไปนานกว่าการท่องจำ เพราะเราได้ลงมือค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
- เปิดประตูสู่การพัฒนา: ความอยากรู้จะนำไปสู่คำถาม และคำถามจะนำไปสู่การค้นหาคำตอบ ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด ทำให้น้องๆ เก่งขึ้นและฉลาดขึ้นในทุกๆ วัน
7 วิธีเด็ด! กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน แม้ไม่ใช่แนว
เอาล่ะครับ ถึงเวลามาดูเทคนิคเจ๋งๆ ที่พี่ๆ เตรียมมาให้แล้ว ลองนำไปปรับใช้กับตัวเองดูนะครับ ไม่แน่ว่าวิชาที่ไม่ชอบ อาจจะกลายเป็นวิชาโปรดได้เลยทีเดียว!
1. หา 'จุดเชื่อมโยง' กับชีวิตประจำวัน
ลองถามตัวเองดูครับว่า "วิชานี้เกี่ยวอะไรกับชีวิตฉันบ้างนะ?" บ่อยครั้งที่น้องๆ รู้สึกเบื่อเพราะมองไม่เห็นความเชื่อมโยงของวิชากับสิ่งรอบตัว การหาจุดเชื่อมโยงจะช่วย กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน ได้อย่างน่าทึ่งครับ
- คณิตศาสตร์: ใช้ตอนคำนวณเงินทอน ซื้อของลดราคา คิดพื้นที่ห้องนอน หรือแม้แต่ตอนเล่นเกมที่ต้องคำนวณคะแนน
- วิทยาศาสตร์: เกี่ยวข้องกับทุกอย่างรอบตัวเรา ทั้งการเจริญเติบโตของพืช ทำไมท้องฟ้าถึงมีสีฟ้า ทำไมไฟฟ้าถึงติด หรือตอนเล่นสไลม์ก็มีเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องนะ
- ภาษาไทย: ใช้ในการสื่อสาร การอ่านหนังสือที่เราชอบ การแต่งเรื่องราวสนุกๆ หรือแม้แต่การเข้าใจมุกตลก
- ประวัติศาสตร์: คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน การเข้าใจประวัติศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมสิ่งต่างๆ ถึงเป็นแบบทุกวันนี้ เหมือนอ่านนิทานเรื่องยาวๆ ที่มีตัวละครมากมายเลยครับ
เมื่อน้องๆ เริ่มเห็นว่าวิชาเหล่านี้มีส่วนสำคัญกับชีวิตตัวเองแค่ไหน ความสนใจก็จะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเองครับ
2. เปลี่ยน 'โจทย์' ให้เป็น 'เกม' หรือ 'ปริศนา'
ใครๆ ก็ชอบเล่นเกมใช่ไหมครับ? ลองเปลี่ยนการเรียนให้เหมือนการเล่นเกมดูสิครับ วิธีนี้จะช่วย กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน และทำให้การเรียนรู้สึกสนุกขึ้นเยอะเลย
- แข่งกับตัวเอง: กำหนดเป้าหมายเล็กๆ เช่น "วันนี้จะทำโจทย์คณิตให้ถูก 5 ข้อติดกัน" หรือ "จะท่องศัพท์อังกฤษให้ได้ 10 คำใน 10 นาที" แล้วดูว่าทำได้ไหม
- ท้าทายเพื่อน: ชวนเพื่อนมาแข่งกันแก้โจทย์ หรือตอบคำถามเกี่ยวกับบทเรียนนั้นๆ แข่งกันแบบสนุกๆ อาจจะมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้คนชนะ
- สร้างเกมการ์ด/บอร์ดเกม: น้องๆ อาจจะลองสร้างเกมเกี่ยวกับวิชานั้นๆ เช่น การ์ดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือเกมตอบคำถามประวัติศาสตร์
- ใช้แอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่เปลี่ยนบทเรียนให้เป็นเกมเยอะแยะเลยครับ ลองหาดูแล้วเล่นไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้
3. ลองเป็น 'นักสืบ' หาคำตอบด้วยตัวเอง
แทนที่จะรอให้ครูสอนอย่างเดียว ลองเปลี่ยนบทบาทมาเป็นนักสืบตัวน้อยๆ ที่ต้องคอยค้นหาคำตอบเองดูไหมครับ?
- ตั้งคำถาม: เมื่อเจอเรื่องที่ไม่เข้าใจ หรือสงสัย ลองตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้?" หรือ "ถ้าอย่างนั้นจะเป็นยังไงนะ?"
- ค้นคว้าด้วยตัวเอง: ใช้หนังสือในห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หรือสารคดีต่างๆ ในการหาคำตอบ การได้ค้นพบคำตอบด้วยตัวเองจะทำให้จำได้แม่นยำและรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากขึ้นครับ
- ทดลอง (ถ้าทำได้): ถ้าเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ ลองหาการทดลองง่ายๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้าน (โดยมีผู้ปกครองดูแล) เพื่อให้เห็นภาพจริง การได้ลงมือทำจะช่วย กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน และความเข้าใจได้ดีกว่าการอ่านแค่ในหนังสือ
4. 'เล่าเรื่อง' หรือ 'สอนเพื่อน' ให้เข้าใจ
วิธีที่เจ๋งที่สุดในการเช็กว่าเราเข้าใจบทเรียนนั้นจริงๆ หรือเปล่า ก็คือการลองอธิบายให้คนอื่นฟังครับ
- เป็นครูจำเป็น: ลองอธิบายบทเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ น้อง หรือแม้แต่ตุ๊กตาฟัง เมื่อเราต้องอธิบาย เราจะต้องจัดเรียงความคิด เรียบเรียงคำพูดให้เข้าใจง่าย ทำให้เราได้ทบทวนและทำความเข้าใจเนื้อหาไปในตัว
- ติวให้เพื่อน: ชวนเพื่อนที่เรียนไม่ทัน หรือยังไม่เข้าใจมาติวให้ การติวไม่เพียงช่วยให้เพื่อนเข้าใจ แต่ยังช่วยให้เราทบทวนเนื้อหาและอุดช่องโหว่ความรู้ของตัวเองได้ด้วยครับ
- สร้างแผนที่ความคิด (Mind Map): ลองใช้การสร้าง Mind Map สรุปเนื้อหาสำคัญๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน
5. แบ่งบทเรียนเป็น 'ชิ้นเล็กๆ' กินง่ายๆ
ถ้าต้องกินข้าวคำใหญ่มากๆ ใครๆ ก็สำลักได้ใช่ไหมครับ? การเรียนก็เช่นกัน ถ้าเนื้อหาเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้น้องๆ รู้สึกท้อได้ ลองแบ่งบทเรียนเป็นส่วนเล็กๆ ที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นดูนะครับ
- ตั้งเป้าหมายเล็กๆ: แทนที่จะคิดว่า "วันนี้ต้องเข้าใจทั้งบท" ให้เปลี่ยนเป็น "วันนี้จะเข้าใจเรื่องสมการแค่ 2 ประเภท" หรือ "วันนี้จะจำคำศัพท์ได้ 5 คำ"
- เรียนทีละนิด: ไม่จำเป็นต้องรีบเรียนให้จบในคราวเดียว ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละหัวข้อ เมื่อเข้าใจหัวข้อหนึ่งแล้วค่อยไปต่อหัวข้อถัดไป
- พักบ้าง: การพักระหว่างการเรียนรู้ก็สำคัญครับ การให้สมองได้พัก จะช่วยให้เรากลับมาเรียนต่อได้อย่างสดชื่นและมีสมาธิมากขึ้น
6. 'รางวัล' เล็กๆ น้อยๆ สำหรับความพยายาม
บางทีการมีเป้าหมายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเองหลังจากที่เราพยายามทำอะไรบางอย่าง ก็ช่วย กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน และกำลังใจได้ดีมากๆ เลยนะครับ
- รางวัลแห่งความสำเร็จเล็กๆ: เช่น "ถ้าวันนี้ทำโจทย์วิทย์ได้ครบ 10 ข้อ จะได้ดูการ์ตูนเรื่องโปรด 1 ตอน" หรือ "ถ้าอ่านหนังสือได้ครบตามที่ตั้งใจไว้ จะได้เล่นเกม 30 นาที"
- รางวัลที่ไม่ต้องเป็นสิ่งของ: อาจจะเป็นการได้ออกไปวิ่งเล่น การได้ใช้เวลากับครอบครัว หรือการได้ทำกิจกรรมที่ชอบก็ได้ครับ
- ชื่นชมตัวเอง: อย่าลืมที่จะชื่นชมความพยายามของตัวเองในทุกๆ ก้าว ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม การให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
7. คุยกับ 'คนที่รู้' และ 'คนที่สนใจ'
บางครั้งการได้พูดคุยกับคนที่เข้าใจวิชานั้นๆ หรือคนที่มีความสนใจคล้ายๆ กัน ก็สามารถช่วยจุดประกาย ความอยากรู้ ของน้องๆ ได้ครับ
- ถามคุณครู: อย่าลังเลที่จะถามคุณครูในเรื่องที่ไม่เข้าใจ คุณครูยินดีที่จะอธิบายเพิ่มเติมและแนะนำวิธีเรียนที่เหมาะสมกับน้องๆ
- ปรึกษาผู้ปกครอง/พี่ติวเตอร์: คุณพ่อคุณแม่หรือพี่ติวเตอร์ก็เป็นอีกแหล่งความรู้ที่ดีเยี่ยมที่พร้อมจะให้คำแนะนำและกำลังใจ
- คุยกับเพื่อน: ลองแลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนที่ชอบวิชานั้นๆ ดูสิครับ บางทีเพื่อนอาจจะมีเทคนิคหรือมุมมองที่น่าสนใจ ที่จะช่วยให้น้องๆ เข้าใจวิชานั้นมากขึ้น
- หาชุมชนออนไลน์/กลุ่มผู้สนใจ: ปัจจุบันมีกลุ่มออนไลน์หรือเพจต่างๆ ที่พูดคุยเกี่ยวกับวิชาที่น้องๆ กำลังเรียนอยู่ การเข้าร่วมกลุ่มเหล่านี้อาจจะช่วยให้น้องๆ ได้เรียนรู้จากคนอื่นๆ และได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆ
บทบาทสำคัญของคุณพ่อคุณแม่: ร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้
แน่นอนว่าการจะ กระตุ้นความอยากรู้บทเรียน ของน้องๆ นั้น ไม่ได้เป็นหน้าที่ของน้องๆ เพียงฝ่ายเดียวครับ คุณพ่อคุณแม่ก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสร้างสภาพแวดล้อมและกำลังใจให้น้องๆ เรียนรู้ได้อย่างมีความสุข
เข้าใจและรับฟัง: ไม่กดดัน ให้กำลังใจ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจและรับฟังความรู้สึกของลูกครับ
- เปิดใจรับฟัง: ลองชวนน้องๆ คุยถึงสาเหตุที่ทำให้ไม่ชอบวิชานั้นๆ ไม่ใช่แค่การบ่นว่ายาก แต่คือการรับฟังปัญหาอย่างแท้จริง
- ไม่เปรียบเทียบ: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับพี่น้องหรือเพื่อนคนอื่น เพราะจะทำให้น้องๆ รู้สึกแย่และกดดันมากขึ้น
- ให้กำลังใจ: การให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ในทุกๆ วัน มีค่ามากกว่าคำตำหนิครับ ชื่นชมความพยายามของน้องๆ แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม
- สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย: ให้บ้านเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้ ไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยความคาดหวังหรือการจับผิด
เป็น 'โค้ช' ไม่ใช่ 'ผู้ตัดสิน': ชวนคิด ชวนลอง
คุณพ่อคุณแม่คือโค้ชที่ดีที่สุดของลูกครับ
- ชวนตั้งคำถาม: แทนที่จะบอกคำตอบทั้งหมด ลองชวนน้องๆ คิดหาคำตอบด้วยตัวเอง เช่น "หนูคิดว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?" หรือ "เราจะหาคำตอบเรื่องนี้ได้จากที่ไหนบ้าง?"
- สนับสนุนการค้นคว้า: ชวนน้องๆ ไปห้องสมุด ซื้อหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิชานั้น หรือดูสารคดีเกี่ยวกับการเรียนรู้
- เป็นเพื่อนร่วมเรียนรู้: บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะนั่งเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับน้องๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกสำหรับทุกคน
สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อ: มุมอ่านหนังสือ, หาแหล่งข้อมูล
สภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ครับ
- มุมอ่านหนังสือที่น่าสบาย: จัดมุมเล็กๆ ในบ้านให้น้องๆ ได้อ่านหนังสือหรือทำการบ้านอย่างสงบ มีแสงสว่างเพียงพอ และไม่มีสิ่งรบกวน
- เข้าถึงแหล่งข้อมูล: สนับสนุนให้น้องๆ มีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งหนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การพาไปทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน
- จัดตารางเวลา: ช่วยน้องๆ จัดตารางเวลาเรียนและการบ้านให้เหมาะสม เพื่อให้น้องๆ มีวินัยและสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง ความอยากรู้ ในบทเรียนที่ไม่ชอบ อาจจะต้องใช้เวลาและความพยายามครับ แต่พี่ๆ เชื่อว่าด้วยกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ และความพยายามของน้องๆ ทุกคน จะสามารถเปลี่ยนความรู้สึก "ไม่อยากเรียน" ให้กลายเป็น "อยากรู้" ได้อย่างแน่นอน และเมื่อน้องๆ ค้นพบความสนุกในการเรียนรู้แล้ว การเรียนก็จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปครับ
จำไว้นะครับว่า ความอยากรู้บทเรียน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ ยิ่งอยากรู้มากเท่าไหร่ การเรียนก็ยิ่งสนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าวิชานั้นจะยากแค่ไหน หรือน้องๆ จะไม่ชอบมันมาก่อนก็ตาม จงให้โอกาสตัวเองได้เปิดใจและค้นพบความมหัศจรรย์ของการเรียนรู้ในทุกๆ วิชา!
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ