การใช้ปากกาไฮไลต์อย่างชาญฉลาด (ไม่ใช่การระบายสีทั้งหน้า)

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 24 กันยายน 2568

เทคนิคอ่านหนังสือ การเรียนรู้ เตรียมสอบ

น้องๆ เคยเป็นกันไหมครับ? เวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบ โดยเฉพาะวิชาที่เนื้อหาเยอะๆ อย่างวิทยาศาสตร์ หรือสังคมศึกษา พอหยิบปากกาไฮไลต์ขึ้นมา ก็เพลินไปกับการขีดเขียนระบายสีหนังสือ จนบางทีเหลืองทั้งหน้า สีสันสดใสสวยงาม แต่พอปิดหนังสือปุ๊บ... อ้าว! สรุปว่าจำอะไรได้บ้างนะ?

หรือคุณพ่อคุณแม่เองก็อาจจะเคยเห็นหนังสือเรียนของน้องๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสจนแทบแยกไม่ออกว่าตรงไหนคือเนื้อหาสำคัญบ้าง แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การที่น้องๆ ใช้ปากกาไฮไลต์ แบบนี้เนี่ย มันได้ผลจริงหรือเปล่า? หรือแค่ระบายไปตามความเคยชินเท่านั้นเอง?

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดีเลยครับว่าการ ใช้ปากกาไฮไลต์ มันเหมือนเป็นอุปกรณ์คู่ใจของน้องๆ นักเรียนทุกคน แต่ถ้าเราใช้มันไม่ถูกวิธี แทนที่จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น มันอาจจะกลายเป็นแค่การระบายสีเล่นๆ ที่ไม่ช่วยอะไรเลยก็ได้นะครับ

บทความนี้ พี่จะพาน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่า เราจะ ใช้ปากกาไฮไลต์ อย่างไรให้ฉลาดที่สุด ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ได้ผลจริงกับการเรียนและการเตรียมสอบ บอกเลยว่ามีเทคนิคดีๆ ที่ทำตามได้ง่ายๆ และจะเปลี่ยนวิธีการอ่านหนังสือของน้องๆ ไปตลอดกาลเลยล่ะครับ! พร้อมหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!

ทำไมการ "ใช้ปากกาไฮไลต์" ถึงสำคัญกว่าที่คิด?

หลายคนอาจจะคิดว่าการ ใช้ปากกาไฮไลต์ เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในการอ่านหนังสือ แต่จริงๆ แล้วมันคือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้สมองของเราจัดระเบียบข้อมูลและจดจำได้ดีขึ้นมากเลยนะครับ ถ้าเราใช้มันเป็น เพราะการที่สมองเราจะจดจำอะไรได้ดี เราต้องรู้จัก "เลือก" และ "เน้น" สิ่งที่สำคัญจริงๆ ออกมา

ปัญหาของการไฮไลต์มั่วซั่ว: 'สวยแต่ไร้ประโยชน์'

ลองจินตนาการดูนะครับว่า ถ้าน้องๆ ไฮไลต์ไปทั้งหน้า หรือเน้นทุกประโยคที่รู้สึกว่า "น่าจะสำคัญ" สุดท้ายแล้ว หนังสือของน้องๆ ก็จะเต็มไปด้วยสีเหลือง สีชมพู สีฟ้าไปหมด จนมองแทบไม่เห็นเนื้อหาเดิม แถมพอจะกลับมาทบทวน ก็ไม่รู้ว่าตรงไหนคือใจความหลักจริงๆ กันแน่ การทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่เสียเวลาเท่านั้น แต่ยังทำให้สมองสับสน ไม่สามารถแยกแยะข้อมูลสำคัญออกจากข้อมูลทั่วไปได้ ทำให้การจดจำไม่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพครับ เหมือนกับเรามีแผนที่ที่ไฮไลต์ทุกเส้นทาง แทนที่จะเป็นเส้นทางลัดที่ต้องการ

การไฮไลต์ที่ถูกต้อง: กุญแจสู่การจำและเข้าใจ

ในทางกลับกัน การ ใช้ปากกาไฮไลต์ อย่างถูกวิธี เป็นเหมือนกับการที่เรากำลังสร้าง "แผนที่ความคิด" ของตัวเองขึ้นมาในหนังสือ สมองของเราจะเรียนรู้ที่จะจับตาดูเฉพาะจุดที่เราเน้นเอาไว้ ทำให้เวลาทบทวน เราจะสามารถอ่านเฉพาะส่วนที่ไฮไลต์เพื่อจับใจความสำคัญของเรื่องได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอ่านใหม่ทั้งหมดซ้ำๆ หลายรอบ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำได้อย่างมหาศาลเลยล่ะครับ เหมือนกับมีทางลัดที่ช่วยให้น้องๆ เข้าใจและจำเนื้อหาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ!

รู้จักประเภทของปากกาไฮไลต์: เลือกให้เหมาะกับงาน

ใช่ว่าปากกาไฮไลต์ทุกแบบจะเหมาะกับการใช้งานทุกประเภทนะครับ การเลือกประเภทปากกาที่เหมาะสมก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การ ใช้ปากกาไฮไลต์ อย่างชาญฉลาดเหมือนกัน

ไฮไลต์สีสดใสทั่วไป: เหมาะกับอะไร?

  • สีเหลือง, ส้ม, ชมพู, เขียวสะท้อนแสง: สีเหล่านี้เป็นสีมาตรฐานที่เราคุ้นเคยกันดี มีความสว่างและสะท้อนแสงสูง ทำให้ข้อความที่เราเน้นโดดเด่นออกมาจากหน้ากระดาษอย่างชัดเจน
  • เหมาะสำหรับ: การเน้นหัวข้อหลัก, คำสำคัญที่ต้องการให้โดดเด่นเป็นพิเศษ, หรือข้อมูลที่จำเป็นต้องจำขึ้นใจ เช่น สูตรคณิตศาสตร์ ปีสำคัญในประวัติศาสตร์ หรือชื่อนักวิทยาศาสตร์
  • ข้อควรระวัง: หากใช้มากเกินไปหรือใช้ในที่แสงจ้า อาจทำให้แสบตาได้ และถ้าเน้นเยอะเกินไป สีเหล่านี้จะทำให้หนังสือน้องๆ ดูรกและอ่านยากขึ้นครับ

ไฮไลต์สีพาสเทล: สบายตา อ่านนานไม่ปวดตา

  • สีฟ้าพาสเทล, ชมพูพาสเทล, ม่วงพาสเทล, เหลืองพาสเทล: ปากกาไฮไลต์กลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสีจะอ่อนลง ไม่จัดจ้านเท่าสีสดใส
  • เหมาะสำหรับ: การอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนเป็นเวลานานๆ เพราะสีที่อ่อนโยนจะช่วยถนอมสายตา ไม่ทำให้เกิดอาการล้าหรือแสบตาได้ง่าย
  • ข้อดี: เหมาะกับการเน้นเนื้อหาที่ต้องการอ่านทวนซ้ำบ่อยๆ เช่น นิยาม, คำอธิบายหลักการ, หรือประโยคยาวๆ ที่มีใจความสำคัญ ทำให้หนังสือน้องๆ ดูสะอาดตาและเป็นระเบียบมากขึ้นครับ

ไฮไลต์แบบลบได้: พลาดแล้วแก้ได้!

  • ปากกาไฮไลต์แบบลบได้: เป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับน้องๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่ไม่มั่นใจในการไฮไลต์ในครั้งแรกๆ
  • หลักการทำงาน: ส่วนใหญ่จะมีปลายยางสำหรับลบหมึกไฮไลต์ออกได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าถ้าไฮไลต์ผิดไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้
  • เหมาะสำหรับ: น้องๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึก ใช้ปากกาไฮไลต์ หรือในวิชาที่เนื้อหายากและซับซ้อนที่อาจจะต้องอ่านหลายรอบเพื่อทำความเข้าใจและเลือกส่วนที่จะเน้นใหม่ การมีโอกาสแก้ไขทำให้เรากล้าที่จะทดลองและเรียนรู้ได้มากขึ้นครับ

5 กฎเหล็กของการ "ใช้ปากกาไฮไลต์" ให้ได้ผลจริง

มาถึงหัวใจสำคัญของบทความนี้แล้วครับ! พี่จะพาน้องๆ มาเรียนรู้ 5 กฎเหล็กที่จะทำให้การ ใช้ปากกาไฮไลต์ ของน้องๆ ไม่ใช่แค่การระบายสีอีกต่อไป แต่เป็นการสร้างเครื่องมือช่วยจำที่ทรงพลังมากๆ

กฎข้อที่ 1: อ่านภาพรวมก่อนเสมอ!

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยครับ! ก่อนที่เราจะหยิบปากกาไฮไลต์ขึ้นมาเน้นข้อความใดๆ ให้น้องๆ อ่านเนื้อหาในย่อหน้านั้นๆ หรือทั้งหน้านั้นๆ ให้จบก่อนสักหนึ่งรอบ เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของเรื่องราวทั้งหมด ว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ประเด็นหลักคืออะไร

ทำไมต้องทำแบบนี้? เพราะถ้าเราไฮไลต์ไปตั้งแต่ยังไม่อ่านจบ เราจะยังไม่รู้ว่าประโยคไหนคือ "ใจความสำคัญจริงๆ" และอาจจะเผลอไปไฮไลต์ประโยคที่เป็นแค่รายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งจะทำให้หนังสือของเราเต็มไปด้วยไฮไลต์ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยในตอนท้ายครับ ดังนั้น อ่านรอบแรกเพื่อทำความเข้าใจภาพรวมก่อนเสมอ แล้วค่อยกลับมาอ่านรอบที่สองเพื่อเน้นส่วนที่สำคัญจริงๆ นะครับ

กฎข้อที่ 2: ไฮไลต์เฉพาะ 'คีย์เวิร์ด' หรือ 'ประโยคหลัก' เท่านั้น

จำไว้นะครับว่า เป้าหมายของการ ใช้ปากกาไฮไลต์ คือการ "กรอง" ข้อมูล ไม่ใช่ "ย้อม" สีทั้งหน้า เหมือนเรากำลังส่องหาสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในกองทราย

  • คีย์เวิร์ด (Keywords): เน้นเฉพาะคำนามสำคัญ, ชื่อเฉพาะ, ตัวเลข, วันที่, หรือคำศัพท์เทคนิคใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคย
  • ประโยคหลัก (Main Sentences): ไฮไลต์ประโยคสั้นๆ กระชับ ที่เป็นใจความสำคัญของย่อหน้านั้นๆ หรือสรุปแนวคิดหลัก

พยายามจำกัดตัวเองให้ไฮไลต์ไม่เกิน 1-2 ประโยคต่อหนึ่งย่อหน้า หรือแค่ไม่กี่คำเท่านั้นนะครับ ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะยิ่งน้อยเท่าไหร่ ส่วนที่เหลือก็จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น ลองฝึกตัวเองให้จับใจความสำคัญของย่อหน้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยไฮไลต์เฉพาะส่วนนั้นๆ ดูนะครับ

กฎข้อที่ 3: ใช้ 'สี' ให้มีความหมาย

การ ใช้ปากกาไฮไลต์ หลายสีไม่ได้แปลว่าเราไฮไลต์เยอะนะครับ แต่แปลว่าเรากำลังเพิ่ม "ความหมาย" ให้กับการไฮไลต์ของเรา การกำหนดความหมายของแต่ละสีจะช่วยให้สมองของเราจัดหมวดหมู่ข้อมูลได้ดีขึ้นมาก

  • ตัวอย่างการกำหนดความหมายของสี:
  • สีเหลือง: ใช้กับคำนิยาม หรือหลักการสำคัญ (Definition, Principle)
  • สีฟ้า: ใช้กับตัวอย่าง หรือรายละเอียดประกอบ (Example, Detail)
  • สีชมพู: ใช้กับข้อควรจำ หรือสิ่งที่ต้องระวัง (Important Note, Caution)
  • สีเขียว: ใช้กับชื่อบุคคล, สถานที่, หรือวันที่สำคัญ (Name, Place, Date)
  • สีส้ม: ใช้กับสูตร หรือสมการ (Formula, Equation)

เมื่อน้องๆ กำหนดความหมายของแต่ละสีแล้ว ให้ยึดตามนั้นตลอดนะครับ เพื่อไม่ให้สับสน พอเวลาทบทวนบทเรียน แค่เห็นสี เราก็จะรู้ทันทีว่าข้อความนั้นมีความสำคัญในด้านใด มันช่วยให้เราทบทวนได้รวดเร็วและเป็นระบบมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!

กฎข้อที่ 4: อย่าไฮไลต์มากเกินไป: น้อยแต่มาก!

นี่คือกฎที่หลายคนมักจะเผลอทำผิดพลาดบ่อยที่สุดครับ! จำไว้ว่า "ถ้าน้องๆ ไฮไลต์เยอะเกินไป ก็เท่ากับไม่ได้ไฮไลต์อะไรเลย" เพราะทุกอย่างจะดูสำคัญไปหมด จนสมองไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนดี

เป้าหมายหลักของการ ใช้ปากกาไฮไลต์ คือการ "ลดทอน" ปริมาณข้อมูลให้น้อยที่สุด เพื่อให้เราสามารถมองเห็นส่วนที่สำคัญที่สุดได้อย่างชัดเจน ลองตั้งเป้าดูว่า แต่ละหน้า หรือแต่ละย่อหน้า น้องๆ จะไฮไลต์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยยังคงจับใจความสำคัญได้ครบถ้วน พยายามไฮไลต์ไม่เกิน 10-20% ของเนื้อหาทั้งหมดในหน้ากระดาษ ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้นครับ

กฎข้อที่ 5: ไฮไลต์แล้วต้องทำอะไรต่อ?

การไฮไลต์เป็นแค่ "จุดเริ่มต้น" ของกระบวนการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบนะครับ มันไม่ใช่ "จุดสิ้นสุด" ของการอ่าน หลังจากที่น้องๆ ใช้ปากกาไฮไลต์ เสร็จแล้ว ควรจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ต่อ เพื่อตอกย้ำความจำให้แน่นหนาขึ้น

  • สรุปย่อ: เขียนสรุปประเด็นสำคัญที่ไฮไลต์ไว้ลงในสมุดโน้ต หรือกระดาษเปล่าด้วยภาษาของตัวเอง
  • ทำมายด์แมพ (Mind Map): นำคีย์เวิร์ดที่ไฮไลต์ไปสร้างแผนผังความคิด เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของข้อมูล
  • ถาม-ตอบ: ลองเปลี่ยนประโยคที่ไฮไลต์ให้เป็นคำถาม แล้วลองตอบคำถามนั้นๆ ด้วยตัวเอง
  • ทบทวน: เวลาทบทวนบทเรียน ให้อ่านเน้นเฉพาะส่วนที่ไฮไลต์ไว้

การทำแบบนี้จะช่วยให้ข้อมูลที่เราไฮไลต์ไว้ถูกประมวลผลซ้ำอีกครั้งในสมอง ทำให้เราเข้าใจและจดจำได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การอ่านผ่านๆ หรือจำแค่ผิวเผินครับ

เทคนิคเพิ่มเติมเพื่อการ "ใช้ปากกาไฮไลต์" ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจาก 5 กฎเหล็กแล้ว พี่ก็ยังมีเทคนิคดีๆ เพิ่มเติมที่จะมาช่วยให้น้องๆ ใช้ปากกาไฮไลต์ ได้เก่งขึ้นอีกระดับนะครับ

ไฮไลต์พร้อมสรุปย่อ: สร้าง 'แผนที่ความคิด' ส่วนตัว

นี่เป็นเทคนิคที่ทรงพลังมากสำหรับน้องๆ ที่ต้องการทำความเข้าใจเนื้อหาแบบลึกซึ้ง หลังจากที่ไฮไลต์คำหรือประโยคสำคัญแล้ว ให้ใช้พื้นที่ว่างข้างๆ ข้อความที่ไฮไลต์ (เช่น ขอบหน้ากระดาษ) เขียนสรุปย่อๆ ด้วยภาษาของตัวเองว่า ข้อความที่เราไฮไลต์นั้นมีความหมายว่าอะไร หรือเชื่อมโยงกับเรื่องอะไร

การทำแบบนี้เหมือนกับการที่เรากำลังแปลความหมายของเนื้อหาให้เป็นภาษาที่เราเข้าใจง่ายที่สุด การเขียนสรุปย่อเป็นการบังคับให้สมองเราประมวลผลข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง ทำให้การจดจำเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เวลาทบทวนก็แค่อ่านส่วนที่เราไฮไลต์แล้วก็อ่านสรุปย่อที่เราเขียนเอง จะช่วยให้เราเข้าถึงใจความสำคัญของเรื่องได้อย่างรวดเร็วครับ

การใช้ไฮไลต์ร่วมกับการจดโน้ต

การ ใช้ปากกาไฮไลต์ ไม่ได้แปลว่าน้องๆ ไม่ต้องจดโน้ตนะครับ แต่สองอย่างนี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ลองทำแบบนี้นะครับ:

เมื่ออ่านหนังสือและไฮไลต์ส่วนสำคัญแล้ว ให้คัดลอกเฉพาะส่วนที่ไฮไลต์นั้น (หรือสรุปใจความสำคัญของมัน) ไปจดลงในสมุดโน้ตของน้องๆ ด้วยลายมือตัวเอง การเขียนซ้ำด้วยลายมือจะช่วยกระตุ้นให้สมองจดจำข้อมูลได้ดียิ่งขึ้นไปอีก และสมุดโน้ตของน้องๆ ก็จะกลายเป็น "คลังความรู้" ที่ผ่านการกรองและสรุปมาแล้วอย่างดีเยี่ยม ซึ่งมีคุณค่ามากกว่าการอ่านจากหนังสือทั้งเล่มในตอนทบทวนครับ

ทบทวนจากส่วนที่ไฮไลต์: ประหยัดเวลา เพิ่มความจำ

ประโยชน์สูงสุดของการ ใช้ปากกาไฮไลต์ ที่มีประสิทธิภาพคือ การช่วยให้การทบทวนบทเรียนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทบทวนเพื่อเตรียมสอบ น้องๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือทั้งเล่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกต่อไปแล้วครับ!

ให้เปิดไปเฉพาะหน้าที่น้องๆ ได้ไฮไลต์ไว้ และอ่านเฉพาะส่วนที่ถูกเน้นสีเท่านั้น การทำแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล และยังช่วยให้สมองของเราโฟกัสไปที่ "ประเด็นหลัก" ที่จำเป็นต้องจำจริงๆ เท่านั้น แทนที่จะเสียเวลาไปกับรายละเอียดที่ไม่จำเป็น ทำให้การเตรียมตัวสอบมีประสิทธิภาพสูงสุด และน้องๆ มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ชอบได้มากขึ้นด้วยครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ "ใช้ปากกาไฮไลต์"

ควรเริ่มใช้ปากกาไฮไลต์เมื่อไหร่?

ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปสำหรับการเริ่มฝึก ใช้ปากกาไฮไลต์ ครับ! น้องๆ สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่ชั้นประถมปลาย หรือ ป.6 เลยก็ได้ ยิ่งฝึกเร็วเท่าไหร่ ยิ่งชำนาญเร็วเท่านั้น เพราะการไฮไลต์เป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับให้เข้ากับสไตล์การเรียนรู้ของตัวเอง การเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้น้องๆ คุ้นเคยและสามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใช้ไฮไลต์กี่สีดีที่สุด?

สำหรับน้องๆ ที่เริ่มต้น พี่แนะนำให้ใช้ประมาณ 3-4 สีก็เพียงพอแล้วครับ การมีสีมากเกินไปอาจทำให้สับสนและยุ่งยากในการกำหนดความหมายให้กับแต่ละสี ซึ่งอาจจะทำให้เทคนิคนี้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เน้นไปที่สีที่น้องๆ ชอบและรู้สึกสบายตามากที่สุด และกำหนดความหมายให้ชัดเจน เช่น สีเหลืองสำหรับคำสำคัญ, สีฟ้าสำหรับนิยาม, สีชมพูสำหรับตัวอย่าง เป็นต้น

ถ้าไฮไลต์ผิดไปแล้วต้องทำยังไง?

ไม่เป็นไรเลยครับ! ไม่มีใครสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก การ ใช้ปากกาไฮไลต์ ก็เหมือนกับการฝึกทักษะอื่นๆ ที่ต้องมีผิดพลาดบ้าง น้องๆ สามารถแก้ไขได้โดย:

  • ใช้ลิควิดลบคำผิด (Correction fluid) หรือเทปลบคำผิด (Correction tape): ในกรณีที่ไฮไลต์ไปแล้วจริงๆ และต้องการแก้ไขให้สมุดสะอาดเหมือนเดิม
  • ใช้ปากกาไฮไลต์แบบลบได้: นี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่มั่นใจ เพราะสามารถลบและไฮไลต์ใหม่ได้หลายครั้งตามต้องการ
  • ปล่อยไว้: บางทีก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขเสมอไปครับ ถ้าน้องๆ แค่ไฮไลต์เกินไปเล็กน้อย และเข้าใจแล้วว่าตรงไหนคือจุดสำคัญ ก็ปล่อยไปได้เลย ถือเป็นบทเรียนในการฝึกฝนครั้งต่อไปครับ!

สรุปส่งท้าย: พลังของปากกาไฮไลต์ในมือคุณ

เป็นยังไงบ้างครับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่? จากที่เคยคิดว่าการ ใช้ปากกาไฮไลต์ เป็นแค่เรื่องง่ายๆ แค่ระบายสีไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราคงจะเห็นแล้วว่ามันมีเทคนิคและกลยุทธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้นมากเลยใช่ไหมครับ

การ ใช้ปากกาไฮไลต์ อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่การทำให้หนังสือมีสีสันสวยงามเท่านั้น แต่เป็นการฝึกให้สมองของเราคิดวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลสำคัญ และจัดระเบียบความรู้ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเรียนรู้ในทุกๆ ระดับชั้น และจะติดตัวน้องๆ ไปตลอดชีวิตการเรียนเลยทีเดียว

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนฝึกฝนการ ใช้ปากกาไฮไลต์ ให้คล่องแคล่ว และขอให้สนุกกับการเรียนรู้ในทุกๆ วันนะครับ การเตรียมตัวที่ดีนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีเสมอ และทุกๆ ก้าวเล็กๆ ที่เราตั้งใจทำ จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน!

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ