วิธีทบทวนความรู้เก่าก่อนเรียนเรื่องใหม่

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 17 กันยายน 2568

ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เตรียมสอบเข้า ม.1 เทคนิคการเรียน วิธีอ่านหนังสือ

คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ TidMor1 ที่น่ารักทุกคนครับ เคยเป็นไหมครับ ที่เวลาเรียนเรื่องใหม่ๆ แล้วรู้สึกว่า "งงจังเลย" หรือ "เอ๊ะ...เรื่องนี้เคยเรียนไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงจำไม่ได้นะ?" อาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ ยิ่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างน้องๆ ป.6 ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้ว ม.1 หรือน้องๆ ม.1 ที่ต้องเจอกับบทเรียนที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ การหลงลืมความรู้เก่าๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยมากๆ ครับ

บางทีน้องๆ อาจจะรู้สึกท้อแท้ หรือคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะกังวลว่าลูกจะตามไม่ทันเพื่อนๆ หรือเปล่า แต่พี่อยากบอกว่าไม่ต้องกังวลไปนะครับ ปัญหานี้มีทางแก้ไขเสมอครับ! บทความนี้จากทีมงาน TidMor1 จะมาแนะนำ วิธีทบทวนความรู้เก่าก่อนเรียนเรื่องใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ รับรองว่าน้องๆ จะเรียนรู้เรื่องใหม่ได้อย่างเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น และมีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้นแน่นอนครับ

การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ไม่ใช่แค่การอ่านหนังสือซ้ำไปซ้ำมาอย่างที่หลายคนเข้าใจนะครับ แต่มันคือการสร้างสะพานเชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับความรู้ใหม่ เพื่อให้การเรียนรู้ของน้องๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีรากฐานที่มั่นคงนั่นเองครับ

ทำไมการทบทวนความรู้เก่าถึงสำคัญกว่าที่คิด?

หลายคนอาจคิดว่า "ไม่เห็นจำเป็นต้อง ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เลยนี่นา ไปเรียนเรื่องใหม่เลยก็ได้" แต่จริงๆ แล้ว การทบทวนเนี่ยมีความสำคัญมากๆ เลยนะครับ ลองนึกภาพตามพี่ดูสิครับ

รากฐานที่แข็งแกร่งสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

เหมือนเวลาเราสร้างตึกสูงๆ เราต้องสร้างฐานรากให้แน่นหนาที่สุดก่อนใช่ไหมครับ ความรู้ก็เช่นกันครับ วิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ล้วนมีความสัมพันธ์กันเป็นขั้นเป็นตอน ความรู้ในบทเรียนเก่าๆ คือรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ เข้าใจบทเรียนใหม่ๆ ได้อย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ ถ้าฐานไม่แน่น ตึกก็อาจจะสั่นคลอนได้ง่ายๆ ครับ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากน้องๆ จะเรียนเรื่องสมการในวิชาคณิตศาสตร์ แต่น้องยังไม่แม่นเรื่องการบวก ลบ คูณ หาร หรือเรื่องจำนวนเต็ม การเรียนสมการก็จะเป็นเรื่องยากมากๆ ทันทีครับ การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน จึงช่วยเติมเต็มช่องว่างที่อาจเกิดขึ้น และทำให้น้องๆ ต่อยอดความรู้ได้อย่างเป็นระบบครับ

ลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจ

เมื่อน้องๆ เข้าใจพื้นฐานดีแล้ว เวลาเจอเนื้อหาใหม่ๆ ก็จะรู้สึกว่า "อ๋อ! เข้าใจแล้ว" "เรื่องนี้เชื่อมโยงกับเรื่องนั้นนี่เอง" ความรู้สึกแบบนี้แหละครับที่จะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และเพิ่มความมั่นใจในการเรียนได้เป็นอย่างมาก น้องๆ จะกล้าที่จะถามคำถาม กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น และรู้สึกสนุกกับการเรียนมากขึ้นด้วยครับ

คุณพ่อคุณแม่ก็เช่นกันครับ เมื่อเห็นลูกเรียนอย่างมีความสุขและเข้าใจบทเรียนดีขึ้น ความกังวลก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ

เตรียมพร้อมรับมือกับการสอบเข้า ม.1

นี่คือจุดสำคัญที่สุดจุดหนึ่งเลยครับ สำหรับน้องๆ ป.6 ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ข้อสอบเข้า ม.1 ไม่ได้ออกแค่เรื่องที่กำลังเรียนในปัจจุบันเท่านั้นนะครับ แต่ยังครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่วัยประถมทั้งหมดอีกด้วย การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน จึงเป็นเหมือนการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ทำให้น้องๆ ไม่พลาดคะแนนจากข้อสอบพื้นฐานที่ควรจะทำได้ครับ

สัญญาณบอกเหตุ: เมื่อไหร่ที่รู้ว่าต้อง "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" แล้วนะ?

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องหยิบสมุดเก่ามาปัดฝุ่นแล้ว? พี่มีสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ มาให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ได้สังเกตกันครับ

เรียนเรื่องใหม่ไม่เข้าใจสักที

ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าเวลาครูสอนเรื่องใหม่ๆ แล้วตามไม่ทันเลย หรือรู้สึกว่าเนื้อหามันยากและซับซ้อนไปหมด ลองหยุดแล้วถอยกลับมาดูว่าเนื้อหาใหม่นี้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานอะไรบ้าง ถ้าเราไม่เข้าใจพื้นฐานนั้น แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องกลับไป ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เรื่องนั้นแล้วล่ะครับ

ทำโจทย์เก่าๆ ไม่ได้

ลองเปิดแบบฝึกหัดเก่าๆ หรือข้อสอบเก่าๆ ของบทเรียนที่ผ่านมาดูครับ ถ้าหากว่าน้องๆ ลืมวิธีทำ หรือทำไม่ได้เลยแม้จะเป็นเรื่องที่เคยเรียนไปแล้ว แสดงว่าความรู้ส่วนนั้นอาจจะเลือนหายไปแล้ว และจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูครับ

ไม่มั่นใจในพื้นฐานวิชาใดวิชาหนึ่ง

บางทีน้องๆ อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจในวิชาบางวิชา เช่น "หนูไม่ค่อยเก่งคณิตศาสตร์เลย" "ผมอ่อนวิทยาศาสตร์มาก" ความรู้สึกไม่มั่นใจแบบนี้หลายครั้งเกิดจากการที่พื้นฐานไม่แน่นพอครับ การกลับไป ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ตั้งแต่ต้น จะช่วยสร้างความมั่นใจที่ขาดหายไปได้ครับ

5 วิธีง่ายๆ สำหรับน้องๆ ที่อยาก "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" ให้ได้ผลจริง!

มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดแล้วครับ! พี่จะมาแนะนำ 5 เทคนิคง่ายๆ ที่น้องๆ สามารถนำไปใช้ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ได้เลยทันทีครับ

1. เปิดสมุดเก่า อ่านหัวข้อใหม่: “การเชื่อมโยงความรู้” คือกุญแจสำคัญ

ก่อนจะเริ่มเรียนบทเรียนใหม่ ให้ลองเปิดหนังสือหรือสมุดเก่าๆ ดูเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ครับ เช่น ถ้าจะเรียนเรื่องไฟฟ้ากระแสตรง ก็ลองกลับไปดูเรื่องวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น หรือเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เคยเรียนมาแล้ว

  • อ่านหัวข้อ: ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตัวอักษร แค่สแกนหัวข้อหลักๆ และหัวข้อย่อยๆ ของบทเรียนเก่าที่เกี่ยวข้อง
  • ทบทวนคำศัพท์สำคัญ: จดคำศัพท์หรือนิยามสำคัญๆ ของบทเรียนเก่าออกมา จะช่วยให้เราเข้าใจภาษาและแนวคิดหลักๆ ได้เร็วขึ้น
  • เชื่อมโยง: ลองคิดดูว่าความรู้เดิมที่เรากำลังทบทวนอยู่นั้น จะนำไปใช้ประโยชน์อะไรกับบทเรียนใหม่ที่เรากำลังจะเรียนได้บ้าง การเชื่อมโยงแบบนี้จะช่วยให้สมองจัดระบบความรู้ได้ดีขึ้นครับ

ตัวอย่าง: ถ้าวันนี้ครูจะสอนเรื่องเศษส่วนกับการบวก การลบ น้องๆ ก็ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องตัวหารร่วมมาก (ห.ร.ม.) หรือตัวคูณร่วมน้อย (ค.ร.น.) ที่เคยเรียนมาแล้ว เพราะสองเรื่องนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการบวกและลบเศษส่วนที่มีส่วนไม่เท่ากันครับ

2. สแกนและสรุป: ไม่ต้องอ่านหมดทุกบรรทัด!

น้องๆ อาจจะคิดว่าการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน คือการอ่านทุกหน้าซ้ำไปซ้ำมาใช่ไหมครับ? ไม่จำเป็นเลยครับ! พี่มีวิธีที่ประหยัดเวลาและได้ผลดีกว่ามาแนะนำ:

  • สแกนหาใจความสำคัญ: ลองกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ในแต่ละย่อหน้า พยายามหาประโยคหรือคำสำคัญที่เป็นแก่นของเรื่องนั้นๆ
  • ทำเครื่องหมาย: ใช้ปากกาไฮไลท์หรือดินสอขีดเส้นใต้เฉพาะคำสำคัญ นิยาม หรือสูตรที่สำคัญจริงๆ
  • สรุปสั้นๆ ในแบบของตัวเอง: เมื่ออ่านจบหนึ่งหัวข้อ ลองปิดหนังสือแล้วเขียนสรุปออกมาเป็นประโยคสั้นๆ หรือวาดแผนภาพความคิด (Mind Map) ที่เชื่อมโยงเนื้อหาเข้าด้วยกัน การสรุปด้วยภาษาของตัวเองจะช่วยให้เราเข้าใจและจดจำได้ดีกว่าการอ่านตามหนังสือเป๊ะๆ ครับ

เคล็ดลับ: พยายามทำให้สรุปนั้นกระชับที่สุด เหมือนเรากำลังจะอธิบายให้เพื่อนที่ไม่เคยเรียนเรื่องนี้มาก่อนฟังครับ

3. ถามตัวเองเหมือนกำลังสอนเพื่อน

วิธีนี้เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Feynman Technique ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากๆ ในการเรียนรู้และ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ครับ

  • อธิบายออกมา: เลือกหัวข้อหนึ่งที่เราต้องการทบทวน แล้วลองอธิบายเรื่องนั้นๆ ออกมาดังๆ เหมือนกำลังสอนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ
  • หาจุดที่ไม่เข้าใจ: ระหว่างที่อธิบาย หากเจอตรงไหนที่ติดขัด อธิบายไม่ได้ หรือต้องกลับไปเปิดหนังสือ แสดงว่านั่นคือจุดที่เรายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
  • ทำให้ง่ายเข้าไว้: ลองใช้คำศัพท์ง่ายๆ การเปรียบเทียบ หรืออุปมาอุปไมย เพื่ออธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราสามารถอธิบายเรื่องยากๆ ให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ แสดงว่าเราเข้าใจเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งแล้วครับ

การทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วย ทบทวนความรู้ก่อนเรียน แต่ยังช่วยให้น้องๆ เห็นจุดอ่อนของตัวเอง และพัฒนาทักษะการอธิบายที่สำคัญอีกด้วยครับ

4. ลองทำแบบฝึกหัด หรือ โจทย์เก่าๆ

การลงมือทำจริงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทดสอบว่าเราเข้าใจเนื้อหานั้นๆ มากน้อยแค่ไหนครับ

  • เลือกแบบฝึกหัดที่เกี่ยวข้อง: หากกำลังจะเรียนเรื่องใหม่ ลองหาแบบฝึกหัดของเรื่องเก่าที่เกี่ยวข้องมาทำซ้ำ
  • จับเวลา: ลองจับเวลาในการทำ เพื่อให้คุ้นชินกับการทำข้อสอบภายใต้ความกดดัน
  • เรียนรู้จากความผิดพลาด: เมื่อตรวจคำตอบแล้ว ให้ทำความเข้าใจว่าทำไมถึงผิด พยายามอย่าแค่จำคำตอบที่ถูกต้อง แต่ให้ทำความเข้าใจกระบวนการคิดที่นำไปสู่คำตอบนั้นๆ ครับ
  • ไม่เข้าใจให้ถาม: ถ้าทำไม่ได้จริงๆ หรือไม่เข้าใจ ลองถามคุณครู เพื่อน หรือคุณพ่อคุณแม่ดูครับ อย่าเก็บความสงสัยไว้คนเดียว

การทำแบบฝึกหัด หรือ โจทย์เก่าๆ ซ้ำๆ จะช่วยให้น้องๆ คุ้นเคยกับแนวคิดต่างๆ และพัฒนาความเร็วในการคิดวิเคราะห์ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ครับ

5. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์: แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ช่วยได้!

ในยุคดิจิทัลนี้ เรามีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยในการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ครับ

  • วิดีโอสอนออนไลน์: หากน้องๆ ไม่เข้าใจเรื่องไหน ลองค้นหาวิดีโอสอนใน YouTube หรือแพลตฟอร์มการศึกษาอื่นๆ ที่มีครูอธิบายในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
  • แอปพลิเคชัน Flashcards: แอปพลิเคชัน Flashcards: แอปพลิเคชันประเภทนี้ช่วยในการสร้างและ ทบทวนคำศัพท์ หรือนิยามสำคัญๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Quizlet หรือ Anki
  • เกมการศึกษา: ลองมองหาเกมหรือกิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน จะช่วยให้น้องๆ สนุกกับการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน มากขึ้น โดยไม่รู้สึกเหมือนกำลังเรียนอยู่ครับ
  • แบบทดสอบออนไลน์: เว็บไซต์หลายแห่งมีแบบทดสอบย่อยๆ ให้เราได้ลองทำ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของตัวเองได้ทันที

การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้น้องๆ เข้าถึงแหล่งความรู้ที่หลากหลาย และทำให้การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปครับ

เทคนิคเสริมสำหรับคุณพ่อคุณแม่: ช่วยลูก "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" อย่างไรให้สนุกและไม่กดดัน

แน่นอนว่าบทบาทของคุณพ่อคุณแม่ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะครับ ในฐานะทีมงาน TidMor1 พี่อยากแนะนำเทคนิคที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนลูกๆ ในการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ได้อย่างถูกวิธี และไม่สร้างความกดดันให้ลูกๆ ครับ

สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้

สิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเรียนรู้มากๆ ครับ ลองจัดมุมอ่านหนังสือที่เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน มีแสงสว่างเพียงพอ และที่สำคัญคือต้องเป็นที่ที่ลูกรู้สึกสบายใจ ไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่ขอให้เป็นที่ที่ลูกอยากจะนั่งอ่านหนังสือ หรือทำความเข้าใจบทเรียนครับ

เป็นโค้ชไม่ใช่ครู

คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องลงไปสอนลูกทุกขั้นตอนนะครับ บทบาทของเราคือการเป็น "โค้ช" ที่คอยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และช่วยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อลูกเจอทางตัน ลองถามคำถามที่กระตุ้นให้ลูกคิดเอง หรือให้ลูกอธิบายสิ่งที่ไม่เข้าใจให้ฟัง การฟังลูกพูดจะทำให้เราเข้าใจปัญหาของลูกได้ดีขึ้นครับ

เช่น แทนที่จะบอกว่า "ข้อนี้ทำแบบนี้สิ!" ลองเปลี่ยนเป็น "หนูลองคิดดูสิว่าเรื่องนี้คล้ายกับเรื่องอะไรที่เราเคยเรียนไปแล้วบ้างนะ?" หรือ "ถ้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง หนูลองใช้คำพูดง่ายๆ ดูสิลูก"

ชมเชยและให้กำลังใจเสมอ

ทุกความพยายามของลูกควรได้รับการชมเชย ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม การชมเชยจะช่วยสร้างกำลังใจและเพิ่มความมั่นใจให้ลูกอยากเรียนรู้ต่อ ถ้าลูกท้อแท้ หรือทำผิดพลาด อย่าตำหนิ แต่ให้กำลังใจและชี้ให้เห็นว่าความผิดพลาดคือโอกาสในการเรียนรู้ครับ

ลองใช้ประโยคประมาณว่า "เก่งมากเลยลูกที่พยายามทบทวนความรู้ก่อนเรียนแบบนี้" หรือ "ไม่เป็นไรนะลูก ผิดเป็นครู วันหลังเรามาลองวิธีอื่นกันดู" การให้กำลังใจเชิงบวกนี้สำคัญมากๆ ครับ

วางแผนการทบทวนร่วมกัน

ชวนลูกมานั่งคุยและวางแผนการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ไปด้วยกันครับ เช่น จะทบทวนวิชาอะไรบ้าง ทบทวนช่วงไหนของวัน จะใช้เวลาเท่าไหร่ต่อวิชา การที่ลูกมีส่วนร่วมในการวางแผนจะทำให้ลูกรู้สึกเป็นเจ้าของแผนนั้นๆ และมีวินัยในการทำตามแผนมากขึ้นครับ

เริ่มต้นจากเล็กๆ ก่อนก็ได้ครับ เช่น วันละ 15-20 นาที เน้นการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ในเรื่องที่ลูกรู้สึกไม่มั่นใจเป็นพิเศษ ค่อยๆ เพิ่มเวลาเมื่อลูกเริ่มคุ้นชิน

สร้างนิสัย "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" ให้ยั่งยืน

การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ไม่ใช่แค่ทำครั้งเดียวแล้วจบไปนะครับ แต่เป็นเหมือนกับการออกกำลังกาย ที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล การสร้างนิสัยที่ดีในการเรียนรู้ต่างหากที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว

ทำตารางเวลาทบทวน

จัดสรรเวลาสำหรับการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ในแต่ละสัปดาห์ เช่น กำหนดว่าทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย หรือทุกวันอังคารและพฤหัสบดีหลังเลิกเรียน น้องๆ จะใช้เวลา 30 นาทีในการทบทวนเนื้อหาเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนใหม่ที่จะเจอในสัปดาห์หน้า การมีตารางเวลาที่ชัดเจนจะช่วยให้น้องๆ มีวินัยมากขึ้นครับ

ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร

พยายามทำให้การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของน้องๆ เช่นเดียวกับการแปรงฟันหรือทานอาหาร เมื่อทำจนเป็นนิสัยแล้ว น้องๆ จะรู้สึกว่าการทบทวนเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำ และจะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องมีใครมาคอยบอกครับ

ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องรีบร้อน

การสร้างนิสัยต้องใช้เวลาครับ อย่ากดดันตัวเองหรือลูกมากเกินไปว่าต้องเห็นผลทันที เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เช่น ทบทวนแค่วันละ 10-15 นาทีในวิชาที่น้องๆ รู้สึกว่ายากที่สุดก่อนก็ได้ครับ เมื่อน้องๆ เริ่มรู้สึกดีขึ้นและสนุกกับการทบทวน ค่อยๆ เพิ่มเวลาหรือจำนวนวิชาขึ้นเรื่อยๆ

ฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ

เมื่อน้องๆ ทำตามแผนการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ได้สำเร็จ หรือทำข้อสอบได้ดีขึ้นจากการทบทวน ลองให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จ เช่น ให้ดูหนังเรื่องโปรด ให้เล่นเกมที่ชอบ หรือพาไปเที่ยว การให้รางวัลจะช่วยสร้างแรงจูงใจและทำให้การทบทวนเป็นเรื่องที่น่าสนุกยิ่งขึ้นครับ

กรณีศึกษา: น้องฟ้ากับเทคนิค "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" ที่พลิกชีวิต

พี่มีเรื่องราวของน้องฟ้ามาเล่าให้ฟังครับ น้องฟ้าเป็นเด็ก ป.6 ที่เรียนดีมาตลอด แต่พอขึ้น ป.6 มาเจอเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น เรื่องระบบร่างกายมนุษย์ น้องฟ้าเริ่มรู้สึกสับสน เพราะจำเนื้อหาชีววิทยาที่เรียนตอน ป.4-ป.5 ไม่ค่อยได้ คุณแม่ของน้องฟ้าสังเกตเห็นว่าลูกเริ่มเครียดและท้อแท้กับการเรียนวิทยาศาสตร์

ทีมงาน TidMor1 จึงแนะนำให้น้องฟ้าลองใช้เทคนิค ทบทวนความรู้ก่อนเรียน โดยเริ่มจากง่ายๆ คือ ก่อนเรียนเรื่องระบบย่อยอาหาร คุณแม่ชวนน้องฟ้ากลับไปดูสมุดเก่าเรื่องส่วนประกอบของอาหารที่เคยเรียนตอน ป.4 และเรื่องเซลล์กับอวัยวะต่างๆ ตอน ป.5

น้องฟ้าใช้วิธีสแกนหาคำศัพท์สำคัญ และลองวาดแผนผัง Mind Map เชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับเรื่องใหม่ ปรากฏว่าน้องฟ้าเริ่ม "อ๋อ" กับหลายๆ เรื่องที่เคยงง พอขึ้นไปเรียนเรื่องระบบย่อยอาหารจริงๆ น้องฟ้าก็เข้าใจบทเรียนได้อย่างรวดเร็ว และกล้าที่จะตอบคำถามคุณครูมากขึ้น

จากนั้น น้องฟ้าก็เริ่มทำเป็นกิจวัตร ลองถามตัวเองเหมือนสอนตุ๊กตา และใช้แอปพลิเคชัน Flashcards ช่วย ทบทวนคำศัพท์ วิทยาศาสตร์ ผลลัพธ์คือน้องฟ้าสอบวิทยาศาสตร์ปลายภาคได้คะแนนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญคือกลับมารู้สึกสนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์อีกครั้งครับ

สรุป: การ "ทบทวนความรู้ก่อนเรียน" คือการลงทุนที่คุ้มค่า

เป็นยังไงบ้างครับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่? จะเห็นได้ว่าการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมครับ แต่กลับเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ เติบโตไปเป็นผู้เรียนรู้ที่แข็งแกร่งและมีความมั่นใจครับ

การสร้างรากฐานความรู้ให้แน่นหนา การลดความเครียดจากการเรียน และการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบเข้า ม.1 ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการให้ความสำคัญกับการ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน ครับ

พี่อยากให้น้องๆ ทุกคนจำไว้ว่า การเรียนรู้เป็นเส้นทางที่ยาวไกล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หรือกดดันตัวเองมากเกินไป ขอแค่มีความพยายาม มีวินัย และทำอย่างสม่ำเสมอ พี่เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนจะประสบความสำเร็จในเส้นทางการศึกษาของตัวเองได้อย่างแน่นอนครับ

คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเป็นกำลังใจและสนับสนุนน้องๆ อย่างใกล้ชิดนะครับ ให้การ ทบทวนความรู้ก่อนเรียน เป็นเรื่องสนุกและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของลูกๆ ครับ

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ