น้องๆ เคยไหมครับที่วางแผนการอ่านหนังสือซะดิบดี แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเรื่องให้แผนที่วางไว้ต้องรวนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นป่วย ไม่สบาย มีกิจกรรมพิเศษที่โรงเรียน หรือต้องไปธุระกับคุณพ่อคุณแม่กะทันหัน จนรู้สึกว่า อ่านหนังสือไม่ทัน แย่แล้ว! แล้วความกังวลก็เริ่มเข้ามาเกาะกินใจ “จะสอบติดไหมนะ?” “คนอื่นเขาอ่านไปถึงไหนแล้ว?”
คุณพ่อคุณแม่เองก็คงเคยเห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของน้องๆ หรือได้ยินเสียงถอนหายใจกับกองหนังสือที่ยังไม่ได้แตะ แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ใช่ไหมครับ? พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะชีวิตจริงมันไม่เหมือนในตำราที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน 100% เสมอไป
บทความนี้จะมาเป็นเหมือนพี่ชายใจดีที่คอยแนะนำว่า เมื่อตารางรวน เราจะ ปรับแผนการอ่าน อย่างไรให้กลับมาเข้าที่เข้าทางได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่รวมถึงกำลังใจและทัศนคติที่ดีที่จะพาน้องๆ ผ่านช่วงเวลาสำคัญนี้ไปได้อย่างมั่นใจครับ รับรองว่าอ่านจบแล้ว จะรู้สึกผ่อนคลายและมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นอีกเยอะเลย!
ทำไมตารางการอ่านถึงรวนได้? (และทำไมมันถึงไม่ใช่เรื่องผิด)
ก่อนอื่นเลย พี่อยากให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนว่า การที่ตารางอ่านหนังสือต้องรวนหรือ แผนการเรียนล่ม ไปบ้างนั้น เป็นเรื่องปกติมากๆ ครับ ไม่มีใครสามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้เป๊ะๆ เหมือนหุ่นยนต์หรอกนะ
ชีวิตไม่เป็นไปตามแผนเสมอไป
ลองนึกภาพว่าเรากำลังเดินทางด้วยรถยนต์แล้วเจอรถติดกะทันหัน หรือฝนตกหนักจนต้องแวะพักข้างทาง การอ่านหนังสือก็คล้ายกันครับ บางทีเราก็เจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน เช่น ไข้หวัดใหญ่มาเยือน การบ้านที่อยู่ๆ ก็กองพะเนิน หรือเพื่อนมาชวนไปทำกิจกรรมสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เวลาที่เคยจัดสรรไว้ต้องถูกใช้ไปอย่างอื่น หรือทำให้เราไม่มีสมาธิอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่
ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของน้องๆ เลยนะครับ มันคือสิ่งที่เราต้องเจอและเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันต่างหาก
เรียนรู้ที่จะยืดหยุ่น
แทนที่จะจมปลักอยู่กับความผิดหวังที่แผนไม่เป็นไปตามเป้า พี่อยากชวนให้มองว่านี่คือโอกาสที่เราจะได้ฝึกความยืดหยุ่น การปรับตัว และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นมากในชีวิตจริง ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเรา ปรับแผนการอ่าน ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ เราก็จะเติบโตขึ้นไปอีกขั้นเลยนะ
หลักการสำคัญเมื่อต้องปรับแผนการอ่าน: ยืดหยุ่นแต่ไม่ย่อท้อ
เมื่อแผนเดิมใช้ไม่ได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องมา ปรับแผนการอ่าน กันใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน พี่มีหลักการง่ายๆ ที่อยากให้จำขึ้นใจไว้ 2 ข้อครับ
เป้าหมายชัดเจนเสมอ
แม้เส้นทางจะขรุขระไปบ้าง แต่ปลายทางยังคงเดิมเสมอ นั่นคือ "การสอบเข้า ม.1" หรือ "ความเข้าใจในเนื้อหาวิชานั้นๆ" การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้น้องๆ ไม่หลงทาง และรู้ว่าต้องมุ่งหน้าไปทางไหน แม้จะต้องเปลี่ยนวิธีการเดินทางไปบ้างก็ตาม
จงยึดเป้าหมายหลักไว้ให้มั่น และเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเรากำลังทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้น้องๆ มีแรงผลักดันที่จะ ปรับแผนการอ่าน และเดินหน้าต่อไปได้ครับ
จัดลำดับความสำคัญให้ดี
เมื่อเวลามีจำกัด เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้พร้อมกัน การจัดลำดับความสำคัญ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ลองถามตัวเองว่า “ตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด?”, “วิชาไหนที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ?”, “บทไหนที่ต้องรีบทบทวนก่อนสอบ?” การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราใช้เวลาที่มีค่าได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
การ ปรับแผนการอ่าน ที่ดีคือการเลือกทำในสิ่งที่จำเป็นที่สุดก่อน และค่อยๆ ไล่ระดับความสำคัญลงไปเรื่อยๆ ครับ
ขั้นตอนปฏิบัติ: ปรับแผนการอ่านแบบฉบับ TidMor1
เอาล่ะ! ได้เวลาลงมือปฏิบัติกันแล้วครับ พี่จะพาไปดูทีละขั้นตอนว่าเมื่อตารางอ่านหนังสือรวน เราจะ ปรับแผนการอ่าน ให้กลับมามีประสิทธิภาพได้อย่างไรบ้าง
1. สแกนสถานการณ์ปัจจุบัน: ตารางรวนเพราะอะไร?
อันดับแรกเลยคือการหยุดและทบทวนครับ ลองถามตัวเองว่า:
- อะไรที่ทำให้ตารางอ่านของเราต้องเปลี่ยนไป? (เช่น ป่วยนาน, มีกิจกรรมเพิ่ม, เหนื่อยง่ายขึ้น)
- เราเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ก่อนถึงกำหนดสอบหรือส่งงาน?
- มีวิชาไหนที่เรารู้สึกว่าต้องทบทวนหนักเป็นพิเศษบ้างตอนนี้?
การทำความเข้าใจสาเหตุและสถานการณ์ปัจจุบัน จะช่วยให้เราสามารถ ปรับแผนการอ่าน ได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบงูๆ ปลาๆ ครับ
2. กำหนด 'เป้าหมายใหม่' ที่เป็นไปได้
เมื่อรู้สถานการณ์แล้ว ให้กำหนดเป้าหมายการอ่านใหม่ที่ เป็นไปได้จริง ในเวลาที่เหลืออยู่ ไม่ต้องกดดันตัวเองให้ต้องอ่านทุกบทให้ครบเหมือนเดิม ถ้ามันไม่สามารถทำได้แล้ว
- เน้นเนื้อหาสำคัญ: ดูว่าบทไหนที่ออกข้อสอบบ่อย หรือเป็นเนื้อหาหลักที่จำเป็นต้องรู้
- ทบทวนจุดอ่อน: หากวิชาไหนที่เราไม่ถนัด หรือทำข้อสอบเก่าแล้วผิดบ่อยๆ ให้เน้นทบทวนบทเหล่านั้นเป็นพิเศษ
- เป้าหมายระยะสั้น: แทนที่จะมองเป้าหมายใหญ่อย่าง “อ่านให้จบทุกวิชา” ให้เปลี่ยนเป็น “วันนี้จะอ่านคณิตศาสตร์ 1 บท” หรือ “พรุ่งนี้จะทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ 1 ชุด” จะรู้สึกว่าทำได้ง่ายกว่า
การตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริงจะช่วยสร้างกำลังใจ และทำให้เรามีกำลังใจที่จะ ปรับแผนการอ่าน และเดินหน้าต่อได้ครับ
3. จัดสรรเวลา 'น้อยนิด' ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อเวลามีน้อย เราต้องใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดูนะ:
- ใช้เวลา 'สั้นๆ' แต่ 'บ่อยๆ': แทนที่จะรอเวลาว่างยาวๆ 2-3 ชั่วโมง ค่อยมาอ่าน ลองแบ่งเวลาสั้นๆ แค่ 15-30 นาที ในช่วงที่รู้สึกว่าสมองยังแล่นอยู่ เช่น ตื่นเช้าขึ้นอีกนิด อ่านก่อนนอนหน่อย หรืออ่านตอนพักเบรกระหว่างวัน
- เทคนิค Pomodoro: ตั้งเวลา 25 นาที อ่านแบบเต็มที่ ไม่ทำอย่างอื่นเลย พอครบก็พัก 5 นาที แล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่ เทคนิคนี้จะช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อได้ดี แม้เวลาจะสั้นก็ตาม
- ตัดสิ่งรบกวน: ปิดมือถือ ปิดทีวี บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงนี้หนูขอตั้งใจอ่านหนังสือจริงๆ การมีสมาธิเต็มที่ในช่วงเวลาสั้นๆ ดีกว่าอ่านนานๆ แต่ใจลอย
จำไว้ว่า "คุณภาพ" สำคัญกว่า "ปริมาณ" เสมอ การ ปรับแผนการอ่าน ให้สั้นลง แต่เข้มข้นขึ้น ก็มีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้กัน
4. โฟกัสวิชาที่ต้องเร่ง!
หากน้องๆ มีวิชาที่รู้ตัวว่ายังอ่อน หรือเป็นวิชาหลักที่สำคัญต่อการสอบเข้า ม.1 มากๆ (เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคม หรือภาษาอังกฤษ) ให้แบ่งเวลาส่วนใหญ่ไปทบทวนวิชาเหล่านั้นก่อน
บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องอ่านทุกบททุกวิชาอย่างละเอียดเท่ากันหมด การ ปรับแผนการอ่าน คือการเลือก “ยิง” ให้ถูกเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก่อนครับ
5. ใช้เทคนิค 'ทบทวนสั้นๆ' แต่สม่ำเสมอ
แม้จะไม่มีเวลาอ่านบทใหม่ ก็ยังคงทบทวนสิ่งที่เคยเรียนไปแล้วได้ ลองทำแบบนี้ดูครับ:
- อ่านสรุปย่อ: ถ้าเราเคยจดสรุปย่อไว้ หรือมีหนังสือสรุปที่กระชับ ก็หยิบมาอ่านทบทวนอย่างรวดเร็ว
- ทำแบบฝึกหัดสั้นๆ: ลองทำข้อสอบเก่า หรือแบบฝึกหัดสั้นๆ สัก 5-10 ข้อ เพื่อทบทวนความเข้าใจและแนวข้อสอบ
- ใช้ Flashcard: เขียนสูตร คำศัพท์ หรือใจความสำคัญลงใน Flashcard แล้วนำมาทบทวนได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ตอนนั่งรถ
การทบทวนสั้นๆ แต่ทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ความรู้ยังคงอยู่กับเรา ไม่หายไปไหน แม้จะไม่ได้ ปรับแผนการอ่าน แบบจัดเต็มได้ก็ตาม
6. สร้าง 'ตารางสำรอง' หรือ 'แผนฉุกเฉิน'
พี่ๆ แนะนำให้น้องๆ ลองสร้างตารางอ่านหนังสือแบบยืดหยุ่น หรือที่เรียกว่า "ตารางสำรอง" ไว้ล่วงหน้า
- วางแผนแบบเผื่อเวลา: อย่าเพิ่งอัดทุกอย่างลงไปจนเต็มเอียด ให้มีช่องว่างเล็กน้อยสำหรับเรื่องไม่คาดฝัน
- มีแผน B: คิดเผื่อไว้ล่วงหน้าว่า "ถ้าวันนี้อ่านไม่ได้ จะไปอ่านชดเชยเมื่อไหร่?" หรือ "ถ้าวิชานี้ทำไม่ทัน จะไปเน้นบทไหนแทน?"
การมีแผนสำรองไว้ จะช่วยลดความตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และทำให้เราสามารถ ปรับแผนการอ่าน ได้อย่างรวดเร็วครับ
7. ปรึกษาและขอคำแนะนำ
อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียวครับ! ถ้าตารางรวนจนกังวลใจ หรือไม่รู้จะ ปรับแผนการอ่าน อย่างไรดี ให้ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ ครู หรือพี่ติวเตอร์
คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเป็นผู้ฟังที่ดี และช่วยให้คำแนะนำจากประสบการณ์ หรือช่วยหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันได้ บางทีแค่ได้ระบายความในใจ ก็ช่วยให้น้องๆ สบายใจขึ้นได้เยอะเลยครับ
บทบาทสำคัญของ 'กำลังใจ' ทั้งจากตัวน้องเองและจากคุณพ่อคุณแม่
การ ปรับแผนการอ่าน ไม่ได้มีแค่เรื่องของการจัดตารางเวลาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการกับความรู้สึกด้วยครับ กำลังใจคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะพาน้องๆ ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
ให้กำลังใจตัวเอง: ไม่เป็นไรถ้าผิดพลาด
บ่อยครั้งที่ความกังวลมาจากความคิดที่ว่า "เราทำผิดพลาด" หรือ "เราไม่ดีพอ" พี่อยากให้น้องๆ จำไว้เสมอว่า ทุกคนผิดพลาดได้ การที่แผนไม่เป็นไปตามที่คิดไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
เมื่อรู้สึกท้อ ให้หยุดพัก หายใจลึกๆ แล้วบอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไรนะ เราทำดีที่สุดแล้วในสถานการณ์นี้" แล้วค่อยๆ ปรับแผนการอ่าน และเริ่มต้นใหม่ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะครับ
คุณพ่อคุณแม่คือฮีโร่: เป็นผู้ฟังที่ดี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ครับ บทบาทสำคัญที่สุดคือการเป็น ผู้ฟังที่ดี และเป็นกำลังใจที่อยู่เคียงข้างน้องๆ แทนที่จะตำหนิเมื่อเห็นตารางรวน ลองถามไถ่ด้วยความเข้าใจว่า "มีอะไรที่พ่อ/แม่ช่วยได้ไหมลูก?" "รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้?"
การรับฟังปัญหาโดยไม่ตัดสิน จะช่วยให้น้องๆ กล้าที่จะบอกความรู้สึก และกล้าที่จะขอความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการที่น้องๆ จะสามารถ ปรับแผนการอ่าน และก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ครับ
ลองให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น "ไม่เป็นไรนะลูก พรุ่งนี้เรามาเริ่มกันใหม่" หรือ "แม่เชื่อว่าลูกทำได้" คำพูดเหล่านี้มีพลังมหาศาลเลยนะครับ
เคล็ดลับพิเศษจากพี่ๆ TidMor1: สร้างนิสัยการปรับตัว
สุดท้ายนี้ พี่ๆ TidMor1 มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่สามารถ ปรับแผนการอ่าน และสร้างนิสัยที่ดีในการรับมือกับความไม่แน่นอนได้ในระยะยาว
จดบันทึกความคืบหน้า
ลองจดบันทึกว่าในแต่ละวันเราอ่านอะไรไปบ้าง ทำแบบฝึกหัดได้กี่ข้อ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะๆ ทุกวัน แค่จดไว้เพื่อดูว่าเราได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว การได้เห็นความคืบหน้าแม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมและช่วยให้รู้ว่าเราได้ ปรับแผนการอ่าน ไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
เฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ
เมื่อน้องๆ สามารถ ปรับแผนการอ่าน และทำตามเป้าหมายเล็กๆ ที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะอ่านจบหนึ่งบท หรือทำแบบฝึกหัดชุดนั้นได้ ให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ อาจจะเป็นการดูการ์ตูนเรื่องโปรดสักตอน พักเล่นเกมบ้าง หรือทานขนมอร่อยๆ สิ่งเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เราอยากทำดีต่อไป
มองว่าเป็นบทเรียน
ทุกครั้งที่ตารางรวน ให้มองว่ามันคือโอกาสในการเรียนรู้ ว่าอะไรที่ทำให้แผนเราสะดุด และเราจะ ปรับแผนการอ่าน ให้ดีขึ้นได้อย่างไรในครั้งหน้า การเรียนรู้จากประสบการณ์จะช่วยให้น้องๆ เติบโตขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน
พี่ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลลงไปได้บ้างนะครับ การ ปรับแผนการอ่าน เมื่อตารางรวนไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย ขอแค่เรามีความเข้าใจ ยืดหยุ่น และที่สำคัญที่สุดคือมีกำลังใจที่ดีจากตัวเองและคนรอบข้าง
จำไว้เสมอว่า เส้นทางสู่ความสำเร็จอาจไม่ได้ราบรื่นเสมอไป แต่ความมุ่งมั่นและทัศนคติที่ดีต่างหากที่จะพาน้องๆ ไปถึงจุดหมายได้ในที่สุด สู้ๆ นะครับพี่ๆ เป็นกำลังใจให้เสมอ!
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ