สวัสดีครับน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน! ช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจาก ป.6 ไปสู่ ม.1 เนี่ย มีเรื่องต้องเตรียมตัวเยอะแยะไปหมดเลยใช่ไหมครับ? โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ที่พอได้ยินคำว่า “เคมี” หรือ “ฟิสิกส์” ทีไร บางคนก็เริ่มถอนหายใจยาวๆ กันแล้ว
แต่พี่ๆ TidMor1 อยากจะบอกว่าจริงๆ แล้ววิทยาศาสตร์ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยนะ! โดยเฉพาะเรื่อง อะตอม โมเลกุล ไอออนเบื้องต้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญมากๆ ที่น้องๆ จะได้เจอใน ม.1 และเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้น้องๆ เข้าใจโลกใบนี้ได้ลึกซึ้งขึ้นเลยล่ะครับ
หลายครั้งที่น้องๆ รู้สึกว่าวิทยาศาสตร์ซับซ้อน นั่นอาจเป็นเพราะเรายังไม่เข้าใจ “หน่วยที่เล็กที่สุด” ของสรรพสิ่งรอบตัวเรานั่นเองครับ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่เราจะสร้างบ้าน น้องๆ ก็ต้องรู้จักอิฐ หิน ปูน ทราย ก่อนใช่ไหมครับ อะตอม โมเลกุล ไอออน ก็คือ “อิฐ หิน ปูน ทราย” ของโลกวิทยาศาสตร์นี่แหละครับ ถ้าเข้าใจตรงนี้ได้ เรื่องอื่นๆ ก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย
ในบทความนี้ พี่ๆ จะพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับ อะตอม โมเลกุล ไอออนเบื้องต้น แบบละเอียดแต่เข้าใจง่าย เหมือนมีพี่มาเล่าให้ฟัง รับรองว่าอ่านจบแล้ว น้องๆ จะร้องอ๋อ! และพร้อมลุยวิทยาศาสตร์ ม.1 ได้อย่างมั่นใจแน่นอนครับ คุณพ่อคุณแม่เองก็จะได้มีข้อมูลไว้ช่วยแนะนำลูกๆ ได้อย่างถูกต้องด้วยนะ!
ทำไมต้องรู้จัก 'อะตอม โมเลกุล ไอออนเบื้องต้น' มันสำคัญยังไงนะ?
เคยสงสัยกันไหมครับว่า น้ำที่เราดื่ม อากาศที่เราหายใจ ดินที่เราเหยียบ หรือแม้กระทั่งตัวเราเองเนี่ย ประกอบขึ้นมาจากอะไรกันนะ? คำตอบก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ล้วนประกอบขึ้นจากอนุภาคเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นั่นก็คือ อะตอม โมเลกุล ไอออนเบื้องต้น นี่แหละครับ
การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เหมือนเราได้กุญแจดอกสำคัญที่จะไขประตูไปสู่โลกของวิทยาศาสตร์เคมีและฟิสิกส์ การเรียนรู้เรื่องพื้นฐานนี้จะช่วยให้:
- น้องๆ มีรากฐานที่แข็งแรง: เปรียบเหมือนสร้างตึก น้องๆ ต้องมีฐานที่มั่นคงก่อน ตึกถึงจะสูงได้ วิทยาศาสตร์ก็เช่นกันครับ เรื่องพวกนี้เป็นฐานสำคัญของเคมี ม.1 และ ม.ปลาย เลย
- เข้าใจปรากฏการณ์รอบตัว: ทำไมน้ำแข็งถึงละลาย? ทำไมเหล็กถึงเป็นสนิม? ทำไมเกลือถึงละลายน้ำได้? คำตอบเหล่านี้เริ่มต้นจากการเข้าใจระดับอะตอมและโมเลกุล
- เตรียมพร้อมสำหรับการสอบ: ข้อสอบวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะข้อสอบเข้า ม.1 มักจะมีคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับสารและสมบัติของสาร ซึ่งเป็นเรื่องของอะตอม โมเลกุล และไอออนนี่แหละครับ ถ้าเข้าใจดีๆ ก็เก็บคะแนนได้ง่ายๆ เลย
- ฝึกคิดอย่างมีเหตุผล: การศึกษาเรื่องเล็กๆ ที่มองไม่เห็น จะช่วยพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ของน้องๆ ให้เป็นระบบมากขึ้น
เห็นไหมครับว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหน? ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุยกันเลยดีกว่า!
มาทำความรู้จักกับ 'อะตอม' กันก่อนเพื่อนเลย!
ลองนึกภาพว่าน้องๆ มีขนมเค้กก้อนหนึ่ง แล้วเราก็หั่นๆๆๆ มันให้เล็กลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มันไม่สามารถหั่นให้เล็กลงได้อีกแล้ว นั่นแหละครับคือแนวคิดของ อะตอม!
อะตอมคืออะไร?
อะตอม (Atom) คือหน่วยที่เล็กที่สุดของธาตุ ที่ยังคงแสดงสมบัติเฉพาะของธาตุนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ หรืออาจจะเรียกง่ายๆ ว่า เป็น "ก้อนอิฐ" หรือ "หน่วยที่เล็กที่สุด" ของสสารทั้งหมดบนโลกและในจักรวาลนี้ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นอากาศ น้ำ ดิน หิน ต้นไม้ สัตว์ และแม้แต่ตัวเราเอง ล้วนประกอบขึ้นจากอะตอมนับล้านๆ ล้านๆ อะตอมรวมกันครับ
นักวิทยาศาสตร์ในอดีตเชื่อว่าอะตอมเป็นสิ่งที่เล็กที่สุดและไม่สามารถแบ่งแยกได้อีก แต่ในปัจจุบัน เรารู้แล้วว่าอะตอมก็มีส่วนประกอบย่อยๆ ลงไปอีกนะ ซึ่งน่าสนใจมากๆ เลย
ส่วนประกอบของอะตอม: โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน
แม้ว่าอะตอมจะเล็กจิ๋ว แต่ภายในอะตอมก็มีโลกใบเล็กๆ ที่น่าตื่นเต้นอยู่ด้วยครับ ส่วนประกอบหลักๆ ของอะตอมมี 3 อย่างที่น้องๆ ต้องจำให้แม่นเลยคือ:
- โปรตอน (Proton): มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก (+) อยู่รวมกันที่ใจกลางของอะตอม (เรียกว่านิวเคลียส) โปรตอนนี่แหละครับที่เป็นตัวกำหนดว่าอะตอมนั้นเป็นธาตุอะไร เช่น ถ้ามี 1 โปรตอนก็คือธาตุไฮโดรเจน ถ้ามี 8 โปรตอนก็คือธาตุออกซิเจน
- นิวตรอน (Neutron): ไม่มีประจุไฟฟ้า (เป็นกลาง) อยู่รวมกับโปรตอนที่ใจกลางอะตอม หน้าที่หลักคือช่วยยึดโปรตอนเอาไว้ด้วยกันครับ
- อิเล็กตรอน (Electron): มีประจุไฟฟ้าเป็นลบ (-) โคจรอยู่รอบๆ นิวเคลียสคล้ายกับดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะของเรานี่แหละครับ อิเล็กตรอนนี่แหละที่จะเป็นตัวสำคัญในการเกิดปฏิกิริยาเคมีต่างๆ และเป็นตัวที่ทำให้อะตอมเกิดเป็น "ไอออน" ได้ด้วยนะ
โดยปกติแล้ว อะตอมจะอยู่ในสภาวะที่เป็นกลางทางไฟฟ้า นั่นคือ มีจำนวนโปรตอน (+) เท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน (-) ทำให้ประจุบวกและประจุลบหักล้างกันพอดี
เลขอะตอมและเลขมวล: บัตรประชาชนของอะตอม
อะตอมแต่ละชนิดก็เหมือนมี "บัตรประชาชน" เป็นของตัวเองนะครับ
- เลขอะตอม (Atomic Number): คือจำนวนของ โปรตอน ที่อยู่ในนิวเคลียสของอะตอมนั้นๆ เป็นตัวบอกว่าอะตอมนั้นคือธาตุอะไร เปรียบเหมือน "ชื่อสกุล" ของธาตุเลยครับ ธาตุแต่ละชนิดจะมีเลขอะตอมไม่ซ้ำกัน
- เลขมวล (Mass Number): คือผลรวมของจำนวน โปรตอน และ นิวตรอน ที่อยู่ในนิวเคลียส บอกถึง "น้ำหนัก" หรือ "มวล" โดยรวมของอะตอมนั้นๆ ครับ
ไม่ต้องกังวลเรื่องการคำนวณซับซ้อนนะครับ สำหรับพื้นฐาน ม.1 แค่น้องๆ เข้าใจว่าโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน อยู่ตรงไหน มีประจุอะไร และเลขอะตอมคือจำนวนโปรตอน ก็ถือว่าเก่งมากๆ แล้วครับ!
'โมเลกุล' คืออะไร? เมื่ออะตอมมารวมตัวกัน
ถ้าอะตอมคือ "ก้อนอิฐ" โมเลกุล ก็คือ "บ้าน" หลังเล็กๆ ที่สร้างขึ้นจากก้อนอิฐหลายๆ ก้อนมารวมกันนั่นเองครับ
กำเนิดโมเลกุล: เมื่ออะตอมจับมือกัน
โมเลกุล (Molecule) คือการที่อะตอมตั้งแต่ 2 อะตอมขึ้นไป มารวมตัวกันด้วย "พันธะเคมี" หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือการที่อะตอมมา "จับมือ" หรือ "เชื่อมต่อ" กันอย่างแน่นแฟ้น เพื่อสร้างเป็นหน่วยที่มีความเสถียรมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นอะตอมชนิดเดียวกัน หรืออะตอมต่างชนิดกันก็ได้
ทำไมต้องจับมือกันนะ? ก็เพราะว่าอะตอมส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบอยู่เดี่ยวๆ ครับ พวกมันอยากจะมีพลังงานที่เสถียรที่สุด เหมือนน้องๆ ที่ชอบอยู่กับเพื่อนๆ มากกว่าอยู่คนเดียว โมเลกุลที่เกิดจากการรวมตัวกันนี่แหละครับคือสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นสสารที่เราเห็นและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน
โมเลกุลมีกี่แบบนะ?
โมเลกุลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ที่น้องๆ ควรรู้จัก คือ
- โมเลกุลของธาตุ (Elemental Molecule): เกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมชนิดเดียวกัน เช่น
- แก๊สออกซิเจน (O2): เกิดจากอะตอมออกซิเจน (O) 2 อะตอมมารวมกัน
- โอโซน (O3): เกิดจากอะตอมออกซิเจน (O) 3 อะตอมมารวมกัน
- ไนโตรเจน (N2), คลอรีน (Cl2)
- โมเลกุลของสารประกอบ (Compound Molecule): เกิดจากการรวมตัวกันของอะตอมต่างชนิดกัน เช่น
- น้ำ (H2O): เกิดจากอะตอมไฮโดรเจน (H) 2 อะตอม รวมกับอะตอมออกซิเจน (O) 1 อะตอม
- คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2): เกิดจากอะตอมคาร์บอน (C) 1 อะตอม รวมกับอะตอมออกซิเจน (O) 2 อะตอม
- น้ำตาลกลูโคส (C6H12O6), กรดซัลฟิวริก (H2SO4)
โมเลกุลที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน
น้องๆ ลองมองไปรอบๆ ตัวสิครับ ทุกอย่างเป็นโมเลกุลทั้งนั้นเลย!
- น้ำ (H2O): โมเลกุลที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา ประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอม
- แก๊สออกซิเจน (O2): แก๊สที่เราใช้หายใจ ประกอบด้วยออกซิเจน 2 อะตอม
- คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2): แก๊สที่เราหายใจออกมาและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ประกอบด้วยคาร์บอน 1 อะตอม และออกซิเจน 2 อะตอม
- น้ำตาล (C12H22O11): โมเลกุลที่ให้ความหวาน ประกอบด้วยคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน จำนวนมาก
การเข้าใจว่าโมเลกุลเกิดจากอะตอมที่มารวมกัน จะช่วยให้น้องๆ เข้าใจสมบัติและพฤติกรรมของสารต่างๆ ได้ดีขึ้นมากๆ เลยล่ะครับ
'ไอออน' คืออะไร? อะตอมกับพลังงานพิเศษ
ทีนี้มาถึงตัวสุดท้ายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ไอออน ครับ ไอออนเป็นเหมือนอะตอมที่ "มีพลังพิเศษ" เพราะพวกมันมีประจุไฟฟ้า ไม่เป็นกลางเหมือนอะตอมทั่วไป
เมื่ออะตอมเสียสมดุล: ประจุบวกและประจุลบ
อย่างที่พี่บอกไปตอนแรกว่า ปกติอะตอมจะมีจำนวนโปรตอน (+) เท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน (-) ทำให้ประจุหักล้างกันเป็นกลาง แต่บางครั้ง อะตอมก็มีการ "แลกเปลี่ยน" อิเล็กตรอนกันเกิดขึ้นครับ
- ถ้าอะตอม เสียอิเล็กตรอน (อิเล็กตรอนประจุลบหายไป) จะทำให้จำนวนโปรตอน (+) มากกว่าจำนวนอิเล็กตรอน (-) อะตอมนั้นก็จะกลายเป็น ไอออนบวก (+)
- ถ้าอะตอม รับอิเล็กตรอน (อิเล็กตรอนประจุลบเพิ่มเข้ามา) จะทำให้จำนวนอิเล็กตรอน (-) มากกว่าจำนวนโปรตอน (+) อะตอมนั้นก็จะกลายเป็น ไอออนลบ (-)
การเกิดไอออนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไอออนที่มีประจุต่างกันจะดึงดูดกัน ทำให้เกิดการรวมตัวกันเป็นสารประกอบไอออนิก เช่น เกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์) นั่นเองครับ
ไอออนบวก (Cation) และไอออนลบ (Anion)
เราเรียกไอออนที่มีประจุบวกว่า แคตไอออน (Cation) และไอออนที่มีประจุลบว่า แอนไอออน (Anion)
- ตัวอย่างไอออนบวก (Cation):
- โซเดียมไอออน (Na+): เกิดจากอะตอมโซเดียมเสียอิเล็กตรอนไป 1 ตัว
- แคลเซียมไอออน (Ca2+): เกิดจากอะตอมแคลเซียมเสียอิเล็กตรอนไป 2 ตัว
- ตัวอย่างไอออนลบ (Anion):
- คลอไรด์ไอออน (Cl-): เกิดจากอะตอมคลอรีนรับอิเล็กตรอนมา 1 ตัว
- ออกไซด์ไอออน (O2-): เกิดจากอะตอมออกซิเจนรับอิเล็กตรอนมา 2 ตัว
น้องๆ อาจจะคิดว่า "โอ้ย! เยอะจัง" แต่ไม่ต้องกังวลครับ ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละนิด และสิ่งสำคัญคือการรู้ว่าไอออนคืออะตอมที่มีประจุไฟฟ้า ไม่เป็นกลาง เหมือนตัวละครที่มีพลังพิเศษนั่นเอง
บทบาทของไอออนในชีวิตประจำวัน
ไอออนอยู่รอบตัวเรามากกว่าที่คิดนะครับ!
- เกลือแกง (NaCl): จริงๆ แล้วมันคือโซเดียมไอออน (Na+) กับคลอไรด์ไอออน (Cl-) ที่ดึงดูดกันอยู่
- แร่ธาตุในร่างกาย: แคลเซียมไอออน (Ca2+) สำคัญต่อกระดูก โพแทสเซียมไอออน (K+) และโซเดียมไอออน (Na+) สำคัญต่อการทำงานของเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อ
- แบตเตอรี่: การทำงานของแบตเตอรี่ก็อาศัยการเคลื่อนที่ของไอออนนี่แหละครับ
- น้ำประปา: มักจะมีไอออนของแร่ธาตุต่างๆ ละลายอยู่ด้วย
จะเห็นได้ว่าไอออนมีบทบาทสำคัญทั้งในร่างกายของเราและในสิ่งรอบตัวเราเลยทีเดียวครับ
สรุปง่ายๆ: ความแตกต่างของอะตอม โมเลกุล และไอออน
เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น พี่ขอสรุปความแตกต่างของทั้งสามคำนี้แบบง่ายๆ นะครับ
- อะตอม: คือหน่วยที่เล็กที่สุดของธาตุ เปรียบเสมือน "ก้อนอิฐเดี่ยวๆ" ที่ยังเป็นกลางทางไฟฟ้า (มีโปรตอนเท่ากับอิเล็กตรอน)
- โมเลกุล: คือการที่อะตอมตั้งแต่ 2 อะตอมขึ้นไป มารวมตัวกันด้วยพันธะเคมี เปรียบเสมือน "บ้าน" หลังเล็กๆ ที่สร้างจากก้อนอิฐหลายก้อน (อาจเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ก็ได้) ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นกลาง
- ไอออน: คืออะตอม หรือกลุ่มอะตอม ที่มีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้น เพราะมีการรับหรือเสียอิเล็กตรอนไป ทำให้จำนวนโปรตอนกับอิเล็กตรอนไม่เท่ากัน เปรียบเสมือน "ก้อนอิฐ" หรือ "บ้าน" ที่มีพลังพิเศษ มีประจุบวกหรือลบ
ลองดูภาพเปรียบเทียบจากตัวอย่างง่ายๆ:
ลองนึกถึง ออกซิเจน
- อะตอมออกซิเจน (O): คือออกซิเจนที่เป็นกลางเดี่ยวๆ หนึ่งอะตอม
- โมเลกุลออกซิเจน (O2): คืออะตอมออกซิเจน 2 อะตอมจับมือกันกลายเป็นแก๊สที่เราหายใจ
- ออกไซด์ไอออน (O2-): คืออะตอมออกซิเจนที่รับอิเล็กตรอนมา 2 ตัว ทำให้มีประจุเป็นลบ
การทำความเข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงจากอะตอมไปเป็นโมเลกุลหรือไอออน จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การเรียนรู้เรื่องปฏิกิริยาเคมี การสร้างสารประกอบใหม่ๆ และสมบัติของสสารในระดับที่สูงขึ้นไปครับ
เคล็ดลับจากพี่ๆ TidMor1: เข้าใจเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
พี่ๆ เข้าใจดีว่าการเรียนวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาจทำให้น้องๆ รู้สึกงงๆ ได้บ้าง แต่ไม่ต้องกังวลครับ พี่มีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก:
- ใช้ภาพและจินตนาการ: พยายามจินตนาการว่าอะตอม โมเลกุล หรือไอออนหน้าตาเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบแบบไหน อาจจะวาดภาพประกอบ หรือดูคลิปวิดีโออธิบายเรื่องพวกนี้ จะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นมาก
- หาตัวอย่างในชีวิตประจำวัน: ลองเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้เข้ากับสิ่งรอบตัว เช่น น้ำ เกลือ อากาศ จะช่วยให้น้องๆ เห็นว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย
- ทำความเข้าใจทีละส่วน: อย่าเพิ่งรีบไปทั้งหมด ลองทำความเข้าใจอะตอมให้แม่นก่อน แล้วค่อยไปโมเลกุล แล้วจึงค่อยไปไอออน การค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้นจะช่วยลดความสับสนได้เยอะครับ
- ไม่เข้าใจให้ถาม: ถ้าสงสัยตรงไหน อย่าเก็บไว้คนเดียวครับ ถามคุณครู ถามคุณพ่อคุณแม่ หรือถามพี่ๆ ที่ TidMor1 ได้เสมอ การถามคือประตูสู่ความเข้าใจที่แท้จริง
- ฝึกทำแบบฝึกหัด: หลังจากทำความเข้าใจเนื้อหาแล้ว การลองทำแบบฝึกหัด หรือข้อสอบเก่าๆ จะช่วยให้น้องๆ ได้ทบทวนความรู้และเห็นแนวทางการนำความรู้ไปใช้ตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้น
การเรียนรู้เรื่อง อะตอม โมเลกุล ไอออนเบื้องต้น ถือเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญมากๆ ให้กับน้องๆ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียน ม.1 ครับ พี่ๆ เชื่อว่าถ้าน้องๆ มีความเข้าใจในเรื่องพื้นฐานเหล่านี้แล้ว วิชาเคมีและวิทยาศาสตร์อื่นๆ ในระดับที่สูงขึ้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกขึ้นเยอะเลย
จำไว้นะครับว่าความสำเร็จในการเรียนไม่ได้มาจากการท่องจำเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ถ้ามีเรื่องสงสัยหรือต้องการตัวช่วยในการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 พี่ๆ TidMor1 พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอครับ
ขอให้น้องๆ สนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์ และมั่นใจในตัวเองนะครับ! ทุกคนมีความสามารถที่จะเข้าใจเรื่องยากๆ ได้ ถ้าเราตั้งใจและมีแนวทางที่ดี
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ