คุณพ่อคุณแม่หลายท่านและน้องๆ วัยประถมปลาย – ม.1 คงเคยเจอปัญหานี้ใช่ไหมครับ? “การบ้านกองเป็นภูเขาเลากา”, “วันนี้มีเรียนพิเศษสองที่”, “พรุ่งนี้สอบแล้วยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย”, “อยากเล่นเกมแต่ก็ยังทำงานไม่เสร็จ” ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ เพราะโลกทุกวันนี้มีสิ่งเร้าเยอะแยะไปหมด ทำให้น้องๆ สับสนว่าจะทำอะไรก่อนดี
แต่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ! พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดีว่าความรู้สึกแบบนี้มันหนักใจแค่ไหน วันนี้พี่จะมา สอนลูก Eisenhower Matrix ซึ่งเป็นเทคนิคการ จัดลำดับความสำคัญ ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง รับรองว่าชีวิตจะดีขึ้น มีเวลาเหลือไปทำสิ่งที่ชอบมากขึ้น แถมยังช่วยให้การ บริหารเวลาเด็กประถม เป็นเรื่องสนุกและง่ายขึ้นอีกด้วยครับ
เมื่อน้องๆ เริ่มเรียนชั้นประถมปลาย หรือกำลังเตรียมตัว สอบเข้า ม.1 ยิ่งต้องเผชิญกับภาระที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเรียน การบ้าน กิจกรรมนอกห้องเรียน ไหนจะเรื่องเพื่อนและความสนใจส่วนตัว ถ้าไม่รู้จักการ จัดลำดับความสำคัญ ให้ดี งานก็อาจจะค้างพอกพูนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นภูเขาที่ยากจะปีนข้ามได้เลยล่ะครับ
แล้วเทคนิค Eisenhower Matrix คืออะไร? ทำไมถึงช่วยให้น้องๆ เรียนเก่ง ม.1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ? และจะช่วย แก้ปัญหางานค้าง ได้จริงหรือเปล่า? มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยครับ!
Eisenhower Matrix คืออะไร? ทำไมเด็กประถมก็ใช้ได้?
หลักการของ Eisenhower Matrix หรือที่บางคนเรียกว่า Eisenhower Box หรือ Urgent-Important Matrix เป็นแนวคิดที่มาจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Dwight D. Eisenhower ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่สำคัญไม่ค่อยเป็นเรื่องเร่งด่วน และสิ่งที่เร่งด่วนก็ไม่ค่อยสำคัญ” ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ แต่ในความจริงแล้ว เรามักจะสับสนระหว่างสองสิ่งนี้บ่อยๆ
พี่จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ Eisenhower Matrix เป็นเหมือนตาราง 4 ช่อง ที่ช่วยให้เราแยกแยะงานหรือกิจกรรมต่างๆ ออกเป็น 4 ประเภท ตามระดับความเร่งด่วนและความสำคัญ เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพว่างานไหนควรทำก่อน งานไหนควรทำทีหลัง หรือบางงานอาจจะไม่ต้องทำเลยก็ได้
แม้แต่ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานเยอะแยะ ก็ยังใช้เทคนิคนี้ในการ บริหารเวลา และ จัดลำดับความสำคัญ เลยครับ แล้วน้องๆ วัยเรียนก็สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างสบายๆ เลย เพราะหลักการนี้ช่วยให้เรามีแผนที่นำทางชีวิต ไม่ต้องเดินหลงทางไปเรื่อยๆ อีกต่อไป
แกะกล่อง Eisenhower Matrix: 4 ช่องมหัศจรรย์สำหรับน้องๆ
มาดูกันว่า 4 ช่องในตารางมหัศจรรย์นี้ มีอะไรบ้าง และเราจะเอาไปปรับใช้กับ ชีวิตนักเรียน ป.6 ได้อย่างไรบ้างครับ
1. ช่องที่ 1: ด่วนและสำคัญ (Urgent & Important) – “ทำเลย!”
ช่องนี้คืองานที่ต้อง รีบทำทันที และเป็นงานที่มี ผลกระทบสำคัญ ถ้าไม่ทำ หรือทำไม่ทัน จะส่งผลเสียใหญ่หลวงต่อน้องๆ ครับ ลองนึกภาพแบบนี้สิครับ เหมือนกับมีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นว่า "ต้องทำเดี๋ยวนี้!"
- ตัวอย่างสำหรับน้องๆ:
- การบ้านที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า: ถ้าไม่ทำวันนี้ พรุ่งนี้ไม่มีส่ง คะแนนก็หายไปเลยใช่ไหมครับ?
- เตรียมตัวสอบเก็บคะแนนพรุ่งนี้: ถ้าไม่อ่านหนังสือคืนนี้ พรุ่งนี้อาจจะทำข้อสอบไม่ได้
- งานกลุ่มที่ต้องนำเสนอพรุ่งนี้: ถ้าส่วนของเรายังไม่เสร็จ เพื่อนๆ ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
- ป่วยหนักต้องไปหาหมอ: เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และต้องรีบจัดการทันที
งานในช่องนี้เปรียบเสมือน “ไฟที่กำลังลุก” ครับ เราต้องรีบดับให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะลามไปใหญ่โต การรู้จัก จัดลำดับความสำคัญ แบบนี้ทำให้น้องๆ ไม่ถูกทิ้งให้งานกองท่วมหัวจนตามไม่ทัน และจะช่วย แก้ปัญหางานค้าง ได้ดีเยี่ยมเลยครับ
2. ช่องที่ 2: สำคัญแต่ไม่ด่วน (Important & Not Urgent) – “วางแผนไว้!”
ช่องนี้คืองานที่ สำคัญมาก แต่ ยังไม่ต้องรีบทำทันที เรามีเวลาวางแผนจัดการมันได้ งานในช่องนี้คือสิ่งที่สร้างอนาคตที่ดีให้น้องๆ ครับ เป็นงานที่ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราไม่ต้องมีงานด่วนในช่องแรกบ่อยๆ
- ตัวอย่างสำหรับน้องๆ:
- อ่านหนังสือก่อนสอบล่วงหน้า: แทนที่จะอ่านวันสุดท้าย ลองแบ่งอ่านวันละนิดตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เครียด
- ทบทวนบทเรียนที่เรียนในแต่ละวัน: ทบทวนทันทีที่เรียนเสร็จ จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น ไม่ต้องรอไปอ่านก่อนสอบ
- ฝึกซ้อมดนตรี กีฬา หรือทักษะพิเศษ: การฝึกฝนสม่ำเสมอจะช่วยให้เก่งขึ้น ไม่ใช่แค่การทำเพื่อแข่งขัน
- เตรียมตัวและหาข้อมูลสำหรับโครงงานวิทยาศาสตร์ชิ้นใหญ่: ต้องใช้เวลาหาข้อมูลนานๆ วางแผนดีๆ ค่อยๆ ทำไป
งานในช่องนี้สำคัญที่สุดเลยครับ! ถ้าเราใช้เวลาส่วนใหญ่กับงานในช่องนี้ น้องๆ จะสามารถ บริหารเวลาเด็กประถม ได้อย่างยอดเยี่ยม มีความพร้อมตลอดเวลา ไม่ต้องคอยวิ่งไล่ตามงาน และยังช่วยให้การ เตรียมสอบเข้า ม.1 เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องหักโหมในช่วงท้ายครับ การโฟกัสที่ช่องนี้ทำให้เราควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่ใช่ให้สถานการณ์มาควบคุมเรา
3. ช่องที่ 3: ด่วนแต่ไม่สำคัญ (Urgent & Not Important) – “มอบหมายหรือเลี่ยงได้ไหม?”
ช่องนี้คืองานที่ดูเหมือนจะ เร่งด่วน เพราะมีคนอื่นมาบอกให้ทำ หรือมีเสียงเรียกร้องให้ทำ แต่จริงๆ แล้ว ไม่สำคัญต่อเป้าหมายหลัก ของเราเท่าไหร่ งานพวกนี้มักจะทำให้เราเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่รู้จักปฏิเสธ หรือหาคนอื่นมาช่วย
- ตัวอย่างสำหรับน้องๆ:
- เพื่อนชวนเล่นเกมตอนนี้เลย: ดูเหมือนด่วนเพราะเพื่อนรอ แต่จริงๆ ไม่สำคัญเท่าการบ้านที่ต้องทำ
- ข้อความในกลุ่มแชทที่เด้งมาตลอดเวลา: ดูเหมือนต้องรีบตอบ แต่บางทีเป็นแค่เรื่องคุยเล่นทั่วไป ไม่ใช่เรื่องเรียน
- การช่วยเหลืองานที่ไม่ใช่หน้าที่เรา: บางครั้งเราอาจจะต้องช่วยเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่ต้องประเมินว่ากระทบกับงานสำคัญของเราไหม
- การตอบอีเมล หรือข้อความที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน: อาจจะดูเหมือนเร่งด่วน แต่สามารถรอได้
งานในช่องนี้เป็นเหมือน “ตัวดูดพลัง” ครับ! มันดูดเวลาและพลังงานของเราไปโดยที่ไม่ได้ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายสำคัญเลย พี่แนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้ลองถามตัวเองว่า “จำเป็นต้องทำตอนนี้ไหม?”, “คนอื่นทำแทนได้ไหม?” หรือ “เลื่อนไปทำทีหลังได้ไหม?” การ สอนลูก Eisenhower Matrix ในส่วนนี้คือการสอนให้รู้จักปฏิเสธและบริหารจัดการความคาดหวังจากภายนอกได้อย่างชาญฉลาดครับ
4. ช่องที่ 4: ไม่ด่วนและไม่สำคัญ (Not Urgent & Not Important) – “ไม่ต้องทำ!”
ช่องสุดท้ายนี้คืองานที่ ไม่ด่วนเลย และก็ ไม่สำคัญเลย ด้วย งานเหล่านี้คือสิ่งที่ควรตัดทิ้ง หรือลดเวลาที่ใช้ไปกับมันให้มากที่สุด เพราะมันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่ได้ช่วยให้เรียนเก่งขึ้น และไม่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายใดๆ เลย
- ตัวอย่างสำหรับน้องๆ:
- ดูทีวี/เล่นโซเชียลมีเดียนานเกินไป: การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ แต่การใช้เวลาไปกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปจะทำให้เราไม่มีเวลาทำสิ่งสำคัญอื่นๆ
- นั่งเล่นอินเทอร์เน็ตแบบไร้จุดหมาย: กดไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเป้าหมายว่าจะหาข้อมูลอะไร
- จัดห้อง/จัดโต๊ะตอนที่ไม่จำเป็น: บางครั้งเราอาจจะผัดวันประกันพรุ่งงานสำคัญด้วยการไปทำอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นแทน
- พูดคุยเรื่องซุบซิบนินทา: ไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆ แถมยังอาจจะสร้างปัญหาตามมาอีกด้วย
งานในช่องนี้เปรียบเสมือน “ขยะ” ที่เราควรทิ้งไปครับ! การที่เราติดอยู่กับงานในช่องนี้มากเกินไป จะทำให้เราเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเอง และการทำสิ่งสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย การ สอนลูก Eisenhower Matrix จะช่วยให้น้องๆ รู้จักใช้เวลาอย่างมีคุณค่า ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ครับ
ขั้นตอนการ สอนลูก Eisenhower Matrix แบบง่ายๆ สำหรับครอบครัว
เอาล่ะ! เมื่อรู้จักทั้ง 4 ช่องแล้ว ลองมาดูวิธีนำไปใช้จริงกันครับ คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนน้องๆ มาทำกิจกรรมนี้ด้วยกันได้เลย จะช่วยให้การ บริหารเวลาเด็กประถม สนุกและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
1. รวบรวมงานทั้งหมด (Brainstorming)
ให้คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ช่วยกันลิสต์งาน การบ้าน กิจกรรมที่ต้องทำ หรือสิ่งที่อยากทำทั้งหมดในรอบวัน/รอบสัปดาห์ เขียนออกมาให้หมด ไม่ต้องกังวลว่าจะเยอะไป เช่น การบ้านคณิตฯ, อ่านหนังสือสอบวิทย์, ซ้อมเปียโน, ไปเที่ยวกับเพื่อน, เล่นเกม, ทำความสะอาดห้อง, ช่วยคุณแม่ล้างจาน ฯลฯ
2. แบ่งประเภทงานลงใน 4 ช่อง
นำงานที่ลิสต์มาแต่ละรายการ มาพิจารณาว่ามัน "ด่วน" หรือ "ไม่ด่วน" และ "สำคัญ" หรือ "ไม่สำคัญ" แล้วให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยแนะนำน้องๆ ให้จัดงานลงในแต่ละช่องอย่างเหมาะสม
- ด่วนและสำคัญ: ทำก่อนเลย! (Do First)
- สำคัญแต่ไม่ด่วน: วางแผนดีๆ แล้วค่อยๆ ทำ (Schedule)
- ด่วนแต่ไม่สำคัญ: ถ้าเป็นไปได้ ให้คนอื่นช่วย หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ค่อยทำหลังงานสำคัญเสร็จ (Delegate/Delay)
- ไม่ด่วนและไม่สำคัญ: ตัดทิ้งไปเลย หรือลดเวลาทำให้น้อยที่สุด (Delete)
การทำแบบนี้ซ้ำๆ จะช่วยให้น้องๆ ค่อยๆ ซึมซับและเข้าใจหลักการ จัดลำดับความสำคัญ ไปเองโดยธรรมชาติครับ
3. สร้างตารางเวลาส่วนตัว
เมื่อแบ่งงานได้แล้ว ให้ลองสร้างตารางเวลา หรือ To-Do List ที่เป็นของน้องๆ เอง โดยเริ่มต้นจากงานในช่องที่ 1 และ 2 ก่อนเสมอ งานในช่องที่ 3 อาจจะใส่ไว้ท้ายๆ หรือถ้าเป็นไปได้ก็หาคนช่วย และพยายามอย่าเสียเวลากับงานในช่องที่ 4
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องๆ ในการเขียนตารางเวลาที่สมดุลได้ เช่น "หลังกลับจากโรงเรียน ทำการบ้านช่อง 1 ก่อน", "ตอนเย็นแบ่งเวลา 1 ชั่วโมงมาทบทวนบทเรียนช่อง 2", "ก่อนนอนอ่านหนังสือนิทานสนุกๆ 15 นาที" เป็นต้น
4. ทบทวนและปรับปรุง
ในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์ ลองชวนน้องๆ มาทบทวนว่า วันนี้ทำอะไรไปบ้าง ทำตามแผนไหม มีงานไหนตกหล่น หรือมีงานที่ยังจัดประเภทผิดอยู่ไหม การทบทวนจะช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และปรับปรุง เทคนิคการเรียน ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ
ประโยชน์ของ สอนลูก Eisenhower Matrix ที่มากกว่าแค่การเรียน
การที่น้องๆ ได้เรียนรู้การ จัดลำดับความสำคัญ ด้วย Eisenhower Matrix ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการเรียนให้ เรียนเก่ง ม.1 เท่านั้นนะครับ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญอีกหลายด้านเลย
- ลดความเครียดและความกังวล: เมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น ไม่ต้องกลัวว่างานจะค้างจนแก้ไม่ทัน
- มีเวลาว่างมากขึ้น: เมื่อทำงานสำคัญเสร็จเร็วและมีประสิทธิภาพ ก็จะมีเวลาเหลือไปเล่น ไปพักผ่อน หรือทำกิจกรรมที่ชอบได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล
- มีวินัยในตนเอง: การฝึกฝนการ บริหารเวลาเด็กประถม อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างนิสัยที่ดีในการวางแผนและการทำตามแผน
- พัฒนาทักษะการตัดสินใจ: น้องๆ จะได้ฝึกคิดวิเคราะห์ว่าอะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในชีวิตจริง
- มีความรับผิดชอบมากขึ้น: เมื่อรู้จักบริหารจัดการงานด้วยตัวเอง ก็จะมีความภาคภูมิใจในตัวเองและรับผิดชอบมากขึ้น
- เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต: ทักษะนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้และการทำงานในอนาคต เมื่อโตขึ้นจะต้องเจอเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย น้องๆ ก็จะสามารถรับมือได้อย่างสบาย
เคล็ดลับจากพี่ๆ TidMor1 เพื่อการนำไปใช้ให้ได้ผลดี
- เริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ: ไม่จำเป็นต้องเริ่มจัดลำดับงานใหญ่ๆ ในทันที อาจจะเริ่มจากการบ้านรายวัน หรือกิจกรรมง่ายๆ ในครอบครัวก่อนก็ได้ครับ
- ให้กำลังใจเสมอ: บางครั้งน้องๆ อาจจะยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร คุณพ่อคุณแม่ควรให้กำลังใจและชื่นชมเมื่อน้องๆ พยายาม ไม่ว่าจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
- ทำให้เป็นเรื่องสนุก: อาจจะใช้สีสันในการแบ่งช่อง หรือใช้สติ๊กเกอร์ติดเมื่อทำงานเสร็จ เพื่อให้น้องๆ รู้สึกสนุกกับการบริหารจัดการ
- เป็นแบบอย่างที่ดี: คุณพ่อคุณแม่เองก็สามารถใช้หลักการนี้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้น้องๆ เห็นและทำตามได้ครับ
- ยืดหยุ่นได้: บางสถานการณ์อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแผนบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ ชีวิตคือการเรียนรู้และปรับตัว
จำไว้นะครับว่า การสอนลูก Eisenhower Matrix ไม่ใช่แค่การสอน เทคนิคการเรียน แต่เป็นการมอบเครื่องมือที่มีคุณค่าให้กับน้องๆ เพื่อให้สามารถ จัดลำดับความสำคัญ ของสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียน การใช้ชีวิต และความสุขของน้องๆ ในระยะยาว
บทสรุป: ก้าวสู่ชีวิตที่จัดการได้ ด้วย Eisenhower Matrix
เป็นอย่างไรบ้างครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ? หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจและมองเห็นภาพของการ สอนลูก Eisenhower Matrix และประโยชน์ของการ จัดลำดับความสำคัญ ได้ชัดเจนขึ้นนะครับ การเริ่มต้น บริหารเวลาเด็กประถม ตั้งแต่วันนี้ จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้น้องๆ เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบ และมีความสุขกับชีวิตครับ
จำไว้เสมอว่า การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะมีความสุขและมีเวลาให้กับกิจกรรมอื่นๆ ที่ชอบด้วยนะครับ การ แก้ปัญหางานค้าง และการ เตรียมสอบเข้า ม.1 จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป หากเรามีทักษะการ จัดลำดับความสำคัญ ที่ดีเยี่ยม
และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ