สถานะของสาร: ความลับของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 11 กันยายน 2568

สถานะของสาร วิทยาศาสตร์ ป.6 สอบเข้า ม.1

คุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 เคยรู้สึกไหมครับว่าวิชาวิทยาศาสตร์นี่มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้เยอะแยะไปหมดเลย บางทีอ่านในหนังสือก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่พอเจอโจทย์พลิกแพลงนิดหน่อยก็เริ่มงงแล้วใช่ไหมครับ?

โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่าง "สถานะของสาร" ทั้งของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำแข็งก้อนในแก้วน้ำ น้ำที่อยู่ในขวด หรือลมที่เราหายใจ แต่พอต้องมาอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ หรือเจอคำถามเกี่ยวกับอนุภาค การเปลี่ยนสถานะ การดูดคายความร้อน ก็ชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าต้องตอบยังไงให้ถูกต้องเป๊ะ!

ไม่ต้องกังวลไปนะครับ! บทความนี้พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 จะมาคลายความลับของ สถานะของสาร ให้เข้าใจง่ายๆ แบบเห็นภาพ เหมือนมีพี่ติวเตอร์มานั่งอธิบายข้างๆ เลยครับ เราจะพาไปดูกันว่าสารแต่ละสถานะมีหน้าตาและพฤติกรรมเป็นอย่างไร แล้วทำไมบางทีถึงเปลี่ยนจากของแข็งเป็นของเหลว หรือจากของเหลวกลายเป็นไอได้เอง แถมท้ายด้วยเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ พิชิตโจทย์เรื่องนี้ได้อย่างมั่นใจในการสอบเข้า ม.1 รับรองว่าอ่านจบแล้วจะต้องร้องอ๋อแน่นอนครับ!

สถานะของสาร คืออะไรนะ?

ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับคำว่า "สาร" กันก่อนครับ สารก็คือสิ่งต่างๆ รอบตัวเรานี่แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ น้ำ อากาศ หรือแม้กระทั่งตัวน้องๆ เอง ก็จัดว่าเป็นสารทั้งนั้นแหละครับ และสารแต่ละชนิดก็สามารถอยู่ในรูปทรงที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราเรียกว่า "สถานะของสาร" นั่นเองครับ โดยทั่วไปแล้ว เราแบ่ง สถานะของสาร ออกเป็น 3 สถานะหลักๆ คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ครับ

แต่ก่อนที่จะลงรายละเอียดของแต่ละสถานะ ให้น้องๆ ลองนึกภาพว่าสารทุกชนิดประกอบขึ้นจากหน่วยเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เรียกว่า "อนุภาค" (Particle) นะครับ เจ้าอนุภาคเล็กๆ เหล่านี้แหละที่เป็นตัวกำหนดว่าสารนั้นๆ จะมีสถานะเป็นอะไร จะเป็นของแข็งที่คงรูป หรือเป็นของเหลวที่ไหลได้ หรือเป็นแก๊สที่ฟุ้งกระจายไปทั่วครับ

ของแข็ง: แข็งแรง ทรงคงที่

ลองมองไปรอบตัวสิครับ โต๊ะ เก้าอี้ ดินสอ หรือแม้แต่น้ำแข็งในตู้เย็น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของ ของแข็ง ครับ สังเกตไหมว่าของแข็งจะมีลักษณะเด่นอะไรบ้าง?

  • มีรูปร่างและปริมาตรที่คงที่: ไม่ว่าจะเอาไปใส่ภาชนะแบบไหน มันก็ยังคงรูปร่างเดิม ไม่เปลี่ยนไปตามภาชนะครับ
  • อนุภาคอยู่กันอย่างเป็นระเบียบและอัดแน่น: ลองนึกภาพคนยืนอัดกันแน่นๆ ในรถไฟฟ้าตอนชั่วโมงเร่งด่วนครับ อนุภาคของของแข็งก็เป็นแบบนั้นแหละครับ พวกมันเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมาก แทบไม่มีช่องว่าง และยึดเหนี่ยวกันอย่างเหนียวแน่น ทำให้ขยับไปไหนมาไหนได้ยากมากๆ ครับ
  • มีการสั่นสะเทือนอยู่กับที่: แม้จะดูเหมือนอยู่นิ่งๆ แต่อันที่จริงแล้ว อนุภาคของของแข็งก็ไม่ได้หยุดนิ่งสนิทนะครับ พวกมันยังคงสั่นสะเทือนหรือแกว่งไปมาอยู่กับที่เล็กน้อยเท่านั้นเอง

นี่แหละครับคือลักษณะของ ของแข็ง ที่ทำให้อะไรๆ รอบตัวเรามีรูปร่างที่แน่นอนและมั่นคง

ของเหลว: ไหลลื่น เปลี่ยนรูปได้

มาถึงสถานะที่สองกันบ้างครับ ลองนึกถึงน้ำดื่ม นม หรือน้ำผลไม้ สิ่งเหล่านี้คือ ของเหลว ครับ ของเหลวแตกต่างจากของแข็งยังไงนะ?

  • มีปริมาตรคงที่ แต่รูปร่างไม่คงที่: ของเหลวจะไหลไปตามภาชนะที่บรรจุครับ เช่น เอาน้ำใส่แก้วทรงกลม น้ำก็เป็นทรงกลม ใส่ขวดทรงเหลี่ยม น้ำก็เป็นทรงเหลี่ยม แต่ปริมาตรของน้ำก็ยังเท่าเดิมนะครับ ไม่ได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเอง
  • อนุภาคอยู่ใกล้กันแต่ไม่เป็นระเบียบ และเคลื่อนที่ได้: คราวนี้ลองนึกภาพคนที่ยืนรวมกลุ่มกัน แต่ไม่ได้อัดกันแน่นเหมือนของแข็งนะครับ พวกเขายังพอมีพื้นที่ให้เดินไปเดินมา หรือสลับที่กันได้บ้าง นี่คือลักษณะของอนุภาคในของเหลวครับ พวกมันยังคงอยู่ใกล้กันและยึดเหนี่ยวกันอยู่ แต่ไม่เป็นระเบียบเท่าของแข็ง และสามารถเคลื่อนที่ผ่านกันไปมาได้ ทำให้ของเหลวมีคุณสมบัติที่ "ไหล" ได้นั่นเอง

คุณสมบัติที่ไหลได้นี่เองที่ทำให้ของเหลวมีความพิเศษ และเราสามารถนำมันไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ใช้ดื่ม ใช้ชำระล้าง หรือใช้ในการปรุงอาหาร

แก๊ส: ล่องลอย ฟุ้งกระจาย

สถานะสุดท้ายคือ แก๊ส ครับ ลองนึกถึงอากาศที่เราหายใจ หรือไอน้ำที่ลอยออกมาจากกาต้มน้ำร้อนๆ สิ่งเหล่านี้คือแก๊สครับ แก๊สมีความแตกต่างจากของแข็งและของเหลวอย่างสิ้นเชิงเลยนะ

  • รูปร่างและปริมาตรไม่คงที่: แก๊สจะฟุ้งกระจายเต็มภาชนะที่บรรจุครับ ไม่ว่าภาชนะจะใหญ่แค่ไหน แก๊สก็จะลอยไปทั่วทั้งภาชนะเลยครับ ไม่มีรูปร่างและปริมาตรที่แน่นอน ถ้าขยายภาชนะ แก๊สก็จะฟุ้งกระจายมากขึ้นครับ
  • อนุภาคอยู่ห่างกันมากและเคลื่อนที่อย่างอิสระ: คราวนี้ลองนึกภาพคนที่อยู่ในสนามฟุตบอลกว้างๆ ครับ แต่ละคนอยู่ห่างกันมากๆ และวิ่งไปมาได้อย่างอิสระ ไม่ได้เกาะกลุ่มกันเลย นี่แหละครับคือลักษณะของอนุภาคในแก๊ส พวกมันอยู่ห่างกันมาก แรงยึดเหนี่ยวระหว่างกันก็น้อยมากๆ จึงเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและรวดเร็วไปในทุกทิศทาง ทำให้แก๊สฟุ้งกระจายและไม่มีรูปร่างที่แน่นอนนั่นเอง

ความสามารถในการฟุ้งกระจายของแก๊สนี่เองที่ทำให้เราได้กลิ่นหอมของอาหารจากครัว หรือได้กลิ่นน้ำหอมจากเพื่อนที่เดินผ่านครับ

การเปลี่ยนสถานะของสาร: มหัศจรรย์ใกล้ตัว

ทีนี้เรามาดูอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับ สถานะของสาร นั่นก็คือ "การเปลี่ยนสถานะ" ครับ น้องๆ เคยสงสัยไหมว่าทำไมน้ำแข็งถึงละลายกลายเป็นน้ำได้? หรือทำไมน้ำถึงเดือดกลายเป็นไอน้ำ? คำตอบง่ายๆ เลยครับ มันเกี่ยวข้องกับการให้หรือรับ "พลังงานความร้อน" นั่นเองครับ

เมื่อสารได้รับความร้อน อนุภาคของสารจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและมีพลังงานมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคอ่อนแอลง จนกระทั่งเปลี่ยนสถานะไป ในทางกลับกัน เมื่อสารคายความร้อน (หรือถูกทำให้เย็นลง) อนุภาคของสารจะเคลื่อนที่ช้าลงและสูญเสียพลังงาน ทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคเพิ่มขึ้น จนสามารถเปลี่ยนสถานะกลับไปได้ครับ มาดูกันทีละขั้นตอนนะครับ

เมื่อของแข็งกลายเป็นของเหลว: การหลอมเหลว

ตัวอย่างที่เห็นบ่อยที่สุดคือ น้ำแข็งละลาย ครับ เมื่อเรานำน้ำแข็งออกมาจากช่องฟรีซ วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง น้ำแข็งจะค่อยๆ กลายเป็นน้ำ นี่คือกระบวนการ "การหลอมเหลว" ครับ

  • เกิดอะไรขึ้น?: ของแข็งจะ ดูดความร้อน เข้าไป ทำให้พลังงานจลน์ของอนุภาคเพิ่มขึ้น อนุภาคจึงสั่นสะเทือนเร็วขึ้น จนแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคอ่อนลงและหลุดจากตำแหน่งเดิมได้บ้าง ทำให้เปลี่ยนจากโครงสร้างที่แข็งแรงและคงที่ของของแข็ง กลายเป็นของเหลวที่ไหลได้ครับ
  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่ของแข็งเปลี่ยนเป็นของเหลวเรียกว่า จุดหลอมเหลว ครับ

เมื่อของเหลวกลายเป็นแก๊ส: การกลายเป็นไอ

ลองนึกภาพคุณแม่กำลังต้มน้ำในหม้อ หรือตอนที่เราตากผ้าแล้วผ้าแห้งไปเอง นั่นคือกระบวนการ "การกลายเป็นไอ" ครับ

  • เกิดอะไรขึ้น?: ของเหลวจะ ดูดความร้อน เข้าไปเพิ่มขึ้นอีก ทำให้อนุภาคมีพลังงานสูงมากและเคลื่อนที่เร็วขึ้นไปอีก จนแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคแทบไม่มีเหลือเลย อนุภาคจึงหลุดออกจากกันและฟุ้งกระจายไปอย่างอิสระ กลายเป็นแก๊สครับ
  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่ของเหลวเปลี่ยนเป็นแก๊สเรียกว่า จุดเดือด ครับ (หากเป็นการระเหยที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเดือด ก็ยังเป็นการดูดความร้อนเช่นกันครับ)

เมื่อแก๊สกลายเป็นของเหลว: การควบแน่น

เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาเราเอาแก้วน้ำเย็นออกมาวางทิ้งไว้ จะมีหยดน้ำเกาะอยู่ข้างแก้ว หรือตอนเช้าๆ ที่มีน้ำค้างเกาะตามใบไม้ นี่คือปรากฏการณ์ "การควบแน่น" ครับ

  • เกิดอะไรขึ้น?: แก๊สจะ คายความร้อน ออกมา ทำให้อนุภาคสูญเสียพลังงาน เคลื่อนที่ช้าลง และเริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้น จนแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคสามารถดึงดูดกันได้อีกครั้ง ทำให้เปลี่ยนจากแก๊สมาเป็นของเหลวครับ

เมื่อของเหลวกลายเป็นของแข็ง: การแข็งตัว

ง่ายๆ เลยครับ ก็คือการทำน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งนั่นเอง นี่คือกระบวนการ "การแข็งตัว" ครับ

  • เกิดอะไรขึ้น?: ของเหลวจะ คายความร้อน ออกมาอีก ทำให้อนุภาคสูญเสียพลังงานลงไปอีก และเคลื่อนที่ช้าลงมากๆ จนกระทั่งแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคแข็งแรงพอที่จะจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบและอัดแน่น กลายเป็นของแข็งครับ

สารพิเศษ: การระเหิดและการตกผลึก

นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนสถานะแบบพิเศษอีก 2 แบบครับ คือ "การระเหิด" และ "การตกผลึก"

  • การระเหิด: คือการที่ ของแข็ง เปลี่ยนไปเป็น แก๊ส โดยไม่ต้องผ่านสถานะของเหลวเลยครับ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ลูกเหม็นดับกลิ่น หรือน้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) ที่เมื่อวางทิ้งไว้ มันจะหายไปเลย ไม่กลายเป็นน้ำครับ กระบวนการนี้ของแข็งจะ ดูดความร้อน เข้าไปครับ
  • การตกผลึก: คือการที่ แก๊ส เปลี่ยนไปเป็น ของแข็ง โดยไม่ต้องผ่านสถานะของเหลว ตัวอย่างเช่น การเกิดเกล็ดน้ำแข็งในช่องฟรีซ หรือการเกิดผลึกไอโอดีนจากไอโอดีนที่เป็นแก๊ส กระบวนการนี้แก๊สจะ คายความร้อน ออกมาครับ

จะเห็นได้ว่าทุกการเปลี่ยนแปลงสถานะของ สถานะของสาร ล้วนมีเรื่องของพลังงานความร้อนเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอเลยนะครับ

ทำไมเรื่อง "สถานะของสาร" ถึงสำคัญกับการสอบเข้า ม.1?

น้องๆ อาจจะสงสัยว่าทำไมเรื่องใกล้ตัวแบบนี้ถึงสำคัญกับการสอบเข้า ม.1 ด้วย? คำตอบคือ เรื่อง "สถานะของสาร" เป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาวิทยาศาสตร์เลยครับ! ข้อสอบมักจะออกในหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ถามตรงๆ ว่าของแข็งคืออะไร แต่จะเน้นไปที่การประยุกต์ใช้และการทำความเข้าใจแนวคิดหลักๆ เช่น

  • การทำความเข้าใจพฤติกรรมของอนุภาค: ข้อสอบอาจจะถามเกี่ยวกับภาพจำลองอนุภาคของสารในแต่ละสถานะ ซึ่งน้องๆ ต้องสามารถบอกได้ว่าภาพไหนคือของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส และอธิบายความแตกต่างได้
  • การเชื่อมโยงกับการดูด/คายความร้อน: โจทย์มักจะให้สถานการณ์มา แล้วถามว่ากระบวนการนั้นเป็นแบบดูดความร้อนหรือคายความร้อน น้องๆ ต้องเข้าใจหลักการว่าถ้าจะเปลี่ยนจากสถานะที่มีพลังงานต่ำ (ของแข็ง) ไปยังสถานะที่มีพลังงานสูง (แก๊ส) ต้อง ดูดความร้อน เข้าไป แต่ถ้าเปลี่ยนจากสถานะพลังงานสูงมาสถานะพลังงานต่ำ ต้อง คายความร้อน ออกมา
  • การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน: ข้อสอบอาจจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น การเกิดเมฆ การกลั่นน้ำทะเล การทำน้ำแข็งแห้ง แล้วให้น้องๆ วิเคราะห์ว่าเป็นการเปลี่ยนสถานะแบบไหน
  • ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่พบบ่อย: หลายคนอาจจะสับสนระหว่างการระเหยกับการเดือด หรือคิดว่าสารต้องมีปริมาตรคงที่เสมอไป ซึ่งข้อสอบก็มักจะเอาจุดนี้มาหลอกครับ

ถ้าเราเข้าใจแก่นแท้ของ สถานะของสาร ไม่ใช่แค่ท่องจำ จะทำให้น้องๆ ทำข้อสอบได้ง่ายขึ้นมากเลยครับ

เคล็ดลับพิชิตโจทย์ "สถานะของสาร" ให้ได้คะแนนเต็ม!

เพื่อให้น้องๆ ไม่พลาดคะแนนในส่วนของ สถานะของสาร พี่ๆ มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากครับ

  • 1. เข้าใจไม่ใช่ท่องจำ: อย่าจำแค่ว่าของแข็งเป็นยังงี้ ของเหลวเป็นอย่างนั้น ให้ลองนึกภาพอนุภาคของสารในแต่ละสถานะ ว่ามันเคลื่อนที่ยังไง อยู่ห่างกันแค่ไหน ยึดเหนี่ยวกันยังไง การเข้าใจกลไกภายในจะช่วยให้น้องๆ เข้าใจลึกซึ้งกว่าการท่องจำครับ
  • 2. นึกภาพตามในชีวิตประจำวัน: มองหาสิ่งรอบตัวแล้วลองตั้งคำถาม เช่น "น้ำเดือดเป็นไอ นี่คือเปลี่ยนจากของเหลวเป็นแก๊ส แล้วมันดูดหรือคายความร้อนนะ?" "ทำไมเสื้อผ้าถึงแห้ง?" "ทำไมวางน้ำแข็งทิ้งไว้ถึงมีน้ำนอง?" การเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริงจะช่วยให้จำได้แม่นยำและเข้าใจถ่องแท้
  • 3. แยกแยะ "ดูดความร้อน" กับ "คายความร้อน" ให้ขาด: นี่คือหัวใจสำคัญครับ
    • ดูดความร้อน: เมื่อสารต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อจะเปลี่ยนไปสู่สถานะที่มีพลังงานสูงกว่า (เช่น จากของแข็งเป็นของเหลว, จากของเหลวเป็นแก๊ส, หรือจากของแข็งเป็นแก๊สโดยตรง)
    • คายความร้อน: เมื่อสารปล่อยพลังงานออกมาเพื่อจะเปลี่ยนไปสู่สถานะที่มีพลังงานต่ำกว่า (เช่น จากแก๊สเป็นของเหลว, จากของเหลวเป็นของแข็ง, หรือจากแก๊สเป็นของแข็งโดยตรง)

    วิธีจำง่ายๆ คือ นึกถึงเรา ถ้าเราอยากได้พลังงานเราก็ต้องกิน (ดูด) ถ้าเราออกกำลังกายเราก็คายพลังงาน (คายความร้อน) ออกมาครับ

  • 4. ฝึกวาดรูปอนุภาค: ลองวาดรูปกล่องสี่เหลี่ยม แล้วใส่อานุภาคลงไปในกล่องในแบบของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส เพื่อช่วยให้เห็นภาพความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้นครับ
  • 5. ทำโจทย์หลากหลายแนว: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดครับ การอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องลองทำโจทย์ที่หลากหลาย ทั้งโจทย์ตรงๆ โจทย์สถานการณ์ และโจทย์ที่ต้องวิเคราะห์ การทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้น้องๆ คุ้นเคยกับแนวข้อสอบ และเห็นจุดที่เรายังไม่เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น

การเตรียมตัวอย่างชาญฉลาด: ก้าวสู่ ม.1 อย่างมั่นใจ

เรื่อง "สถานะของสาร" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่เราต้องเรียนรู้ แต่เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ครับ การเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ไม่ใช่แค่การอ่านหนังสืออย่างเดียว แต่คือการสร้างความเข้าใจพื้นฐานที่แข็งแรง และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอครับ

คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยน้องๆ ได้โดยการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ลองชวนคุยเรื่องวิทยาศาสตร์ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน หรือชวนทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของสาร เช่น ทำไอศกรีมเอง หรือต้มน้ำดูไอน้ำ เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพจริงและเกิดความสนใจครับ

ส่วนน้องๆ เองก็อย่าเพิ่งท้อแท้นะครับ การเรียนวิทยาศาสตร์อาจจะดูเหมือนยาก แต่ถ้าเราค่อยๆ ทำความเข้าใจทีละเรื่อง เปรียบเทียบกับสิ่งรอบตัว ฝึกทำโจทย์บ่อยๆ รับรองว่าน้องๆ จะเก่งขึ้นและสนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้นแน่นอนครับ

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ