วิธีอ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 29 กันยายน 2568

อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ วิทยาศาสตร์ ป.6 เตรียมสอบ ม.1

สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ นักเรียน ป.6 ทุกคน! พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เชื่อว่าหลายครั้งที่น้องๆ เรียนวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องลมฟ้าอากาศ อาจจะเคยมีคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า "อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ" พวกนี้คืออะไรกันนะ? แล้วเราจะ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ได้ยังไงกัน?

บางทีน้องๆ อาจจะเคยเห็นข่าวพยากรณ์อากาศที่พูดถึงตัวเลขเหล่านี้ แล้วก็งงๆ ว่ามันสำคัญยังไง หรือคุณพ่อคุณแม่เองก็อาจจะกำลังมองหาวิธีอธิบายให้ลูกๆ เข้าใจเรื่องยากๆ เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายใช่ไหมครับ?

ไม่ต้องกังวลเลยครับ! บทความนี้พี่ๆ TidMor1 จะพาน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจแบบง่ายๆ สบายๆ เหมือนเรากำลังคุยเล่นกันเลยว่า อุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศคืออะไร มีเครื่องมืออะไรใช้วัด และที่สำคัญคือ วิธีอ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ แต่ละอย่างนั้นทำยังไง รวมถึงทำไมความรู้เรื่องนี้ถึงสำคัญกับการเรียนวิทยาศาสตร์และใช้ในชีวิตประจำวันของเราด้วย ตามพี่ๆ มาดูกันเลย!

ทำไมการ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ ถึงสำคัญต่อน้องๆ ป.6?

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึง วิธีอ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ เรามาดูกันก่อนดีกว่าครับว่าทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเป็นเรื่องใกล้ตัวและสำคัญกับน้องๆ มากกว่าที่คิด?

เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันยังไงนะ?

  • การแต่งตัว: เคยไหมครับที่เช้านี้อากาศหนาว แต่พอตกบ่ายกลับร้อนอบอ้าว? การเข้าใจอุณหภูมิจะช่วยให้เราเลือกเสื้อผ้าได้เหมาะกับสภาพอากาศ ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไปครับ
  • การวางแผนกิจกรรม: ถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ฝนอาจจะตกหนัก (ซึ่งเกี่ยวข้องกับความชื้นและความกดอากาศ) เราก็จะได้เตรียมร่ม หรือวางแผนกิจกรรมในร่มแทนการออกไปข้างนอกใช่ไหมล่ะครับ?
  • สุขภาพ: อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมส่งผลต่อสุขภาพเราโดยตรงเลยนะครับ อากาศที่ร้อนเกินไป หนาวเกินไป หรือชื้นเกินไป อาจทำให้ไม่สบายได้ง่ายๆ ครับ

จะเห็นได้ว่าเรื่องเหล่านี้อยู่รอบตัวเราตลอดเวลาเลยนะครับ การที่เราเข้าใจและ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ เป็นจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นครับ

สำคัญกับการสอบเข้า ม.1 อย่างไร?

แน่นอนว่าเรื่องลมฟ้าอากาศเป็นบทเรียนสำคัญในวิชาวิทยาศาสตร์ระดับประถมปลาย และมักจะออกข้อสอบเข้า ม.1 อยู่เสมอเลยครับ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ และการนำข้อมูลไปวิเคราะห์

  • ข้อสอบวิทยาศาสตร์: โจทย์มักจะให้กราฟ ตาราง หรือรูปภาพเครื่องมือวัดมา แล้วให้น้องๆ วิเคราะห์หรือ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ที่วัดได้ การทำความเข้าใจพื้นฐานให้แน่นจะทำให้น้องๆ ทำข้อสอบได้ง่ายขึ้นมากครับ
  • การเชื่อมโยงความรู้: ความรู้เรื่องนี้ไม่ได้อยู่โดดๆ นะครับ แต่มักจะเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นๆ เช่น วัฏจักรน้ำ การเกิดเมฆ ฝน หรือแม้กระทั่งเรื่องของพลังงานความร้อน การเข้าใจพื้นฐานจะช่วยให้น้องๆ เชื่อมโยงความรู้และเห็นภาพรวมได้ดียิ่งขึ้นครับ

รู้จักกับ "อุณหภูมิ" เพื่อนซี้ที่เราต้องเจอทุกวัน

มาเริ่มกันที่เรื่องที่คุ้นเคยที่สุดก่อนเลยครับ นั่นก็คือ "อุณหภูมิ" นั่นเอง

อุณหภูมิคืออะไร?

พูดง่ายๆ เลยนะครับ อุณหภูมิก็คือ ระดับความร้อนหรือความเย็น ของสิ่งต่างๆ รอบตัวเรานั่นเองครับ ถ้าอุณหภูมิสูงก็แปลว่าร้อน ถ้าอุณหภูมิต่ำก็แปลว่าเย็น ตัวอย่างเช่น วันนี้อากาศร้อนจังเลยแสดงว่าอุณหภูมิสูง หรือเอามือนุ่มๆ ไปอังน้ำแข็งแล้วรู้สึกเย็นนั่นเป็นเพราะน้ำแข็งมีอุณหภูมิต่ำครับ

เครื่องมือวัดอุณหภูมิ: ปรอทวัดไข้ เทอร์โมมิเตอร์

เครื่องมือที่เราใช้ อ่านค่าอุณหภูมิ ก็คือ "เทอร์โมมิเตอร์" หรือ "ปรอทวัดไข้" ที่น้องๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี เวลาไม่สบาย คุณพ่อคุณแม่ก็จะใช้ปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายเราใช่ไหมครับ

วิธี อ่านค่าอุณหภูมิ จากเทอร์โมมิเตอร์:

  • สังเกตระดับของเหลว: ในเทอร์โมมิเตอร์จะมีของเหลวสีแดงหรือสีเงิน (ปรอท) บรรจุอยู่ ของเหลวนี้จะขยายตัวเมื่อได้รับความร้อน และหดตัวเมื่อเย็นลง
  • มองตรงกับระดับ: เวลา อ่านค่าอุณหภูมิ ให้น้องๆ มองให้ระดับสายตาตรงกับขีดของของเหลวพอดี เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุดครับ
  • อ่านตัวเลข: ดูว่าปลายระดับของเหลวหยุดอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่บนขีดวัด ตัวเลขนั้นก็คืออุณหภูมินั่นเองครับ
  • อย่าลืมดูหน่วย: สำคัญมากเลยนะครับ! เทอร์โมมิเตอร์ส่วนใหญ่จะมีหน่วยวัดให้เลือกอ่าน เช่น องศาเซลเซียส (°C) หรือองศาฟาเรนไฮต์ (°F) ต้องดูให้ดีว่ากำลัง อ่านค่าอุณหภูมิ หน่วยไหนอยู่

หน่วยวัดที่ควรรู้: เซลเซียส (°C) และฟาเรนไฮต์ (°F)

สองหน่วยนี้เจอบ่อยมากครับ:

  • องศาเซลเซียส (°C): เป็นหน่วยที่เราใช้กันบ่อยที่สุดในประเทศไทยและประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกครับ จุดเยือกแข็งของน้ำคือ 0°C และจุดเดือดคือน้ำคือ 100°C
  • องศาฟาเรนไฮต์ (°F): เป็นหน่วยที่นิยมใช้ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จุดเยือกแข็งของน้ำคือ 32°F และจุดเดือดคือน้ำคือ 212°F

การ อ่านค่าอุณหภูมิ และเข้าใจหน่วยวัดเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ ไม่สับสนเวลาเจอโจทย์หรือข่าวพยากรณ์อากาศที่ใช้หน่วยต่างกันนะครับ

"ความชื้น" ในอากาศ ตัวแปรที่ทำให้เรารู้สึกร้อนอบอ้าว หรือสบายตัว

เคยรู้สึกไหมครับว่าบางวันอากาศไม่ได้ร้อนจัด แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหนียวตัว อบอ้าว ไม่สบายตัวเลย? นั่นเป็นเพราะ "ความชื้น" ในอากาศนั่นเองครับ

ความชื้นคืออะไร?

ความชื้นคือ ปริมาณไอน้ำที่ปะปนอยู่ในอากาศ ครับ อากาศของเราไม่ได้มีแค่ก๊าซไนโตรเจน ออกซิเจน อย่างเดียวนะครับ แต่มันยังมีไอน้ำเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นลอยอยู่เต็มไปหมด ยิ่งมีไอน้ำมากเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งชื้นมากเท่านั้น

เครื่องมือวัดความชื้น: ไฮโกรมิเตอร์

เครื่องมือที่ใช้ อ่านค่าความชื้น เรียกว่า "ไฮโกรมิเตอร์" (Hygrometer) ครับ ซึ่งมีหลายแบบ ทั้งแบบดิจิทัลที่แสดงตัวเลขให้เห็นชัดๆ หรือแบบอนาล็อกที่ใช้เข็มชี้

วิธี อ่านค่าความชื้น สัมพัทธ์ (Relative Humidity)

ส่วนใหญ่แล้ว เวลาเราพูดถึงความชื้น เรามักจะพูดถึง "ความชื้นสัมพัทธ์" ครับ ซึ่งจะบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) โดยมีความหมายว่า "อากาศมีไอน้ำอยู่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับปริมาณไอน้ำที่อากาศจะรับได้สูงสุดที่อุณหภูมินั้นๆ"

  • การอ่านค่า: ไฮโกรมิเตอร์จะแสดงค่าเป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ (เช่น 60%, 85%)
  • ตัวเลขสูง = ชื้นมาก: ถ้าค่าความชื้นสัมพัทธ์สูง (เช่น 80-90%) หมายความว่าอากาศมีไอน้ำอยู่เยอะ เราจะรู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว เพราะเหงื่อระเหยได้ยาก และมักจะเป็นสัญญาณว่าฝนอาจจะตก
  • ตัวเลขต่ำ = ชื้นน้อย: ถ้าค่าความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ (เช่น 30-40%) หมายความว่าอากาศค่อนข้างแห้ง เราจะรู้สึกสบายตัว หรือบางทีก็ผิวแห้งได้ง่ายๆ

การ อ่านค่าความชื้น ได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้น้องๆ เข้าใจสภาพอากาศได้ดีขึ้นและเตรียมตัวรับมือได้อย่างเหมาะสมครับ

ความชื้นบอกอะไรเราได้บ้าง?

  • โอกาสเกิดฝน: อากาศที่มีความชื้นสูงมากๆ มักจะเป็นสัญญาณว่ามีโอกาสเกิดเมฆและฝนตกได้ง่ายขึ้น
  • ความรู้สึกสบายตัว: ความชื้นที่เหมาะสมทำให้เรารู้สึกสบายตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะเกินไป
  • ผลกระทบต่อสิ่งของ: ความชื้นสูงอาจทำให้เสื้อผ้าแห้งช้า หรือข้าวของเครื่องใช้ขึ้นราได้ง่าย

"ความกดอากาศ" แรงกดดันที่มองไม่เห็น แต่สำคัญต่อลมฟ้าอากาศ

เรื่องสุดท้ายที่เราจะเรียนรู้ วิธีอ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ กันก็คือ "ความกดอากาศ" ครับ อาจจะฟังดูซับซ้อนกว่าสองเรื่องแรก แต่พี่ๆ จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ครับ

ความกดอากาศคืออะไร?

น้องๆ ลองนึกภาพว่าอากาศรอบตัวเรามีน้ำหนักนะครับ! ความกดอากาศก็คือ น้ำหนักของอากาศที่กดทับลงมาบนพื้นผิวโลกในพื้นที่หนึ่งๆ นั่นเองครับ เหมือนมีหมอนนุ่มๆ ใบใหญ่ๆ ที่มองไม่เห็นวางทับเราอยู่ตลอดเวลา ยิ่งอากาศมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ ความกดอากาศก็ยิ่งสูงเท่านั้นครับ

เครื่องมือวัดความกดอากาศ: บารอมิเตอร์

เครื่องมือที่ใช้ อ่านค่าความกดอากาศ คือ "บารอมิเตอร์" (Barometer) ครับ บารอมิเตอร์มีหลายชนิด เช่น บารอมิเตอร์แบบปรอท หรือบารอมิเตอร์แบบแอนเนอรอยด์ (ที่ใช้โลหะขยายตัว-หดตัว)

หน่วยวัดความกดอากาศ: หน่วยที่นิยมใช้คือ เฮกโตพาสคาล (hPa) หรือ มิลลิบาร์ (mb) ซึ่ง 1 hPa = 1 mb นั่นเองครับ บางครั้งอาจเจอหน่วยอื่น เช่น มิลลิเมตรปรอท (mmHg) ด้วย

วิธี อ่านค่าความกดอากาศ และความสัมพันธ์กับสภาพอากาศ

การ อ่านค่าความกดอากาศ จากบารอมิเตอร์จะคล้ายกับการอ่านค่าจากเครื่องมืออื่นๆ คือดูว่าเข็มหรือตัวเลขชี้ไปที่ค่าใด แต่ที่สำคัญกว่าคือการตีความหมายของค่าที่ได้:

  • ความกดอากาศสูง (High Pressure): มักจะหมายถึงอากาศที่ค่อนข้างมั่นคง ท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดออก อากาศถ่ายเทดี มักจะรู้สึกสบายตัว
  • ความกดอากาศต่ำ (Low Pressure): มักจะหมายถึงอากาศที่ไม่มั่นคง มีเมฆมาก ลมแรง มีโอกาสเกิดฝนตกหนัก พายุ หรืออากาศแปรปรวนได้ง่าย

นักพยากรณ์อากาศใช้การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศนี่แหละครับ ในการคาดการณ์ว่าสภาพอากาศจะดีขึ้นหรือแย่ลง การเข้าใจ อ่านค่าความกดอากาศ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจสภาพอากาศโดยรวม

ความกดอากาศสูง vs. ความกดอากาศต่ำ

จำง่ายๆ แบบนี้ครับ:

  • สูง = สุข (ใส): ความกดอากาศสูง มักจะนำมาซึ่งอากาศที่ สุข สบาย ท้องฟ้า ใส
  • ต่ำ = ตก (แย่): ความกดอากาศต่ำ มักจะนำมาซึ่งอากาศที่ฝนจะ ตก หรือสภาพอากาศที่ แย่ ลง

การ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ ทั้งสามสิ่งนี้ไปด้วยกัน จะทำให้น้องๆ เข้าใจภาพรวมของสภาพอากาศได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นครับ

เคล็ดลับการ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ ให้แม่นยำยิ่งขึ้น

น้องๆ อาจจะคิดว่า โห! ต้องจำเยอะแยะไปหมดเลยใช่ไหมครับ? ไม่ต้องเครียดนะครับ พี่ๆ มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ เก่งเรื่องการ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ ได้ง่ายขึ้นมาฝาก:

ฝึกบ่อยๆ ดูพยากรณ์อากาศ

ลองสังเกตจากข่าวพยากรณ์อากาศในทีวีหรือแอปพลิเคชันมือถือบ่อยๆ ครับ พยายามทำความเข้าใจว่าตัวเลขที่เห็นหมายถึงอะไร แล้วลองเปรียบเทียบกับสภาพอากาศจริงที่บ้านของเรา การ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ จากแหล่งข้อมูลเหล่านี้บ่อยๆ จะช่วยให้เราคุ้นเคยและเข้าใจความหมายของตัวเลขมากขึ้น

สังเกตสิ่งรอบตัว

วิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเราครับ! ลองสังเกตความรู้สึกของตัวเองในแต่ละวัน: วันนี้ร้อนไหม? เหนียวตัวหรือเปล่า? ลมแรงไหม? ฟ้ามืดครึ้มหรือเปล่า? แล้วลองเชื่อมโยงกับค่าต่างๆ ที่เราเรียนรู้มา เช่น ถ้าวันนี้ร้อนอบอ้าวมาก ก็คาดเดาได้ว่าความชื้นน่าจะสูงแน่ๆ

เชื่อมโยงความรู้

พยายามเชื่อมโยงความรู้เรื่อง อุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ เข้าด้วยกันครับ เพราะทั้งสามสิ่งนี้สัมพันธ์กันและส่งผลต่อสภาพอากาศทั้งหมด การมองเห็นภาพรวมจะช่วยให้เราวิเคราะห์และ อ่านค่าอุณหภูมิ ความชื้น และความกดอากาศ ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นครับ

และหากน้องๆ กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 สิ่งสำคัญคือการฝึกทำข้อสอบที่หลากหลายแนว เพื่อให้คุ้นเคยกับการตีความข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ในข้อสอบนะครับ

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ