วิธีสร้าง แรงจูงใจภายนอก เช่น รางวัลเล็กๆ น้อยๆ

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 20 กันยายน 2568

แรงจูงใจภายนอก รางวัลเด็ก เทคนิคเรียนดี สอบเข้า ม.1

น้องๆ หลายคนอาจเคยรู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ หรือไม่สนุกเอาเสียเลย โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเริ่มจริงจังกับการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ซึ่งดูเป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก บางครั้งก็ท้อแท้ ไม่อยากอ่านหนังสือ หรือไม่อยากทำการบ้านจนคุณพ่อคุณแม่ก็อดหนักใจไม่ได้ใช่ไหมครับ?

ในฐานะพี่ๆ ทีมงาน TidMor1 ที่คลุกคลีกับการช่วยเหลือน้องๆ เตรียมสอบมานาน เราเข้าใจดีว่าไม่ใช่แค่ความรู้ทางวิชาการเท่านั้นที่สำคัญ แต่ "ความอยากเรียนรู้" และ "ความตั้งใจ" คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้น้องๆ ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เราจะมาแนะนำกันวันนี้ก็คือ "แรงจูงใจภายนอก" หรือการใช้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ นั่นเองครับ

บทความนี้ พี่ๆ จะพาคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ มาทำความเข้าใจว่า แรงจูงใจภายนอก คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และจะนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับการเรียนและการเตรียมสอบเข้า ม.1 ได้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งข้อควรระวัง เพื่อให้น้องๆ ไม่ได้แค่ได้รับรางวัล แต่ยังได้พัฒนาความรับผิดชอบและความรักในการเรียนรู้ไปพร้อมกันด้วยครับ

ทำความเข้าใจ "แรงจูงใจภายนอก" คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

ก่อนอื่นเลย เรามาดูกันก่อนว่าคำว่า "แรงจูงใจภายนอก" ที่พี่พูดถึงนี้ มันหมายถึงอะไรกันแน่

แรงจูงใจภายนอก vs. แรงจูงใจภายใน: ต่างกันอย่างไร?

จริงๆ แล้ว แรงจูงใจของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ

  • แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation): คือการที่น้องๆ ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพราะรู้สึกสนุก มีความสุขกับมันจริงๆ อยากรู้ อยากทำด้วยตัวเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ หรือไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เช่น น้องชอบอ่านหนังสือเพราะรู้สึกสนุกกับการค้นพบเรื่องใหม่ๆ ชอบวาดรูปเพราะมีความสุขที่ได้สร้างสรรค์ผลงาน
  • แรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation): คือการที่น้องๆ ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพราะอยากได้รับรางวัล หรือหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษจากภายนอก เช่น น้องตั้งใจเรียนเพราะอยากได้เกรดดีๆ เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้พาไปเที่ยว หรือทำการบ้านให้เสร็จเพราะไม่อยากถูกคุณครูดุ การใช้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรากำลังจะพูดถึง จัดอยู่ในกลุ่มนี้แหละครับ

หลายคนอาจจะมองว่าแรงจูงใจภายในดีกว่าแรงจูงใจภายนอกเสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว แรงจูงใจภายนอก มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางสถานการณ์ หรือกับบางช่วงวัยครับ

ทำไมแรงจูงใจภายนอกถึงเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับเด็กๆ?

สำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะน้องๆ วัยประถมปลายที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วง ม.1 การใช้ แรงจูงใจภายนอก มีข้อดีหลายอย่างเลยนะ:

  • ช่วยเริ่มต้นพฤติกรรม: บางครั้งน้องๆ อาจยังไม่เห็นความสำคัญของบางอย่าง เช่น การฝึกทำโจทย์ยากๆ หรือการอ่านหนังสือวิชาที่ตัวเองไม่ถนัด การมีรางวัลเป็นสิ่งกระตุ้นจะช่วยให้น้องๆ เริ่มต้นทำสิ่งนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น
  • สร้างความต่อเนื่อง: เมื่อน้องๆ ได้รับรางวัลจากการทำสิ่งดีๆ ซ้ำๆ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ดี และมีกำลังใจที่จะทำสิ่งนั้นต่อไป จนอาจกลายเป็นนิสัยในที่สุด
  • เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้: รางวัลที่จับต้องได้จะช่วยให้น้องๆ มองเห็นถึงความพยายามของตัวเองที่แปลงเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง
  • เป็นสะพานสู่แรงจูงใจภายใน: ในระยะยาว เมื่อน้องๆ ได้ลองทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบ่อยเข้า และเริ่มเห็นความก้าวหน้าหรือความสนุกที่ซ่อนอยู่ แรงจูงใจภายนอก อาจจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแรงจูงใจภายในได้ในที่สุด

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับว่าการใช้ รางวัลเล็กๆ น้อยๆ หรือ แรงจูงใจภายนอก จะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ตรงกันข้ามครับ ถ้าใช้ให้ถูกวิธี จะกลายเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการจุดประกายให้น้องๆ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจเรียน และประสบความสำเร็จได้เลย!

เทคนิคเด็ดๆ สร้าง แรงจูงใจภายนอก ให้ลูกแบบไม่กดดัน

มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอยครับ! พี่ๆ มีเทคนิคดีๆ ในการสร้าง แรงจูงใจภายนอก ที่นำไปใช้ได้จริง และไม่ทำให้น้องๆ รู้สึกถูกบังคับ มาฝากกัน

1. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้จริง

ก่อนจะให้รางวัล ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนนะครับ คุณพ่อคุณแม่ควรให้น้องๆ มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายด้วย เพื่อให้เขารู้สึกเป็นเจ้าของเป้าหมายนั้นๆ

  • ระบุให้เฉพาะเจาะจง: แทนที่จะบอกว่า "ลูกต้องตั้งใจเรียน" ให้ระบุว่า "วันนี้ลูกจะทำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์เรื่องระบบสุริยะ 10 ข้อให้เสร็จ" หรือ "ลูกจะทบทวนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องเศษส่วน 30 นาที"
  • เป็นไปได้จริงและท้าทายเล็กน้อย: ไม่ควรยากเกินไปจนท้อ แต่ก็ไม่ควรง่ายจนไม่มีความท้าทาย เช่น หากน้องๆ ไม่เคยอ่านหนังสือเลย อาจเริ่มต้นที่ "อ่านหนังสือวันละ 10 นาที" ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้น
  • โฟกัสที่ "กระบวนการ" มากกว่า "ผลลัพธ์": โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ให้รางวัลกับการพยายามและการลงมือทำ มากกว่าผลสอบที่ออกมา เพื่อไม่ให้กดดันเกินไปครับ

2. เลือก "รางวัล" ที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจ

รางวัลเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพงเสมอไปครับ รางวัลที่ดีที่สุดคือสิ่งที่น้องๆ อยากได้จริงๆ และเหมาะสมกับวัย

  • ของที่จับต้องได้เล็กๆ น้อยๆ: สติกเกอร์, ดินสอสีใหม่, สมุดโน้ตสวยๆ, ขนมโปรด, หนังสือการ์ตูนที่ชอบ (ถ้าไม่อ่านเยอะเกินไปจนเสียการเรียนนะครับ)
  • กิจกรรมที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน: ไปสวนสาธารณะ, ดูหนังด้วยกัน (ที่บ้านหรือโรงหนัง), ทำกิจกรรมโปรดในครอบครัว, เล่นเกมกระดานด้วยกัน, ไปเที่ยวใกล้ๆ
  • สิทธิพิเศษเล็กๆ น้อยๆ: ได้ดูการ์ตูนเพิ่มอีก 1 ตอน, ได้เล่นเกมคอมพิวเตอร์เพิ่มอีก 15 นาที, ได้เลือกเมนูอาหารเย็นสำหรับครอบครัว, ได้นอนดึกขึ้น 30 นาทีในวันหยุด (อันนี้ต้องเหมาะสมนะครับ)
  • คำชมเชยและการยอมรับ: อย่ามองข้ามพลังของคำพูดนะครับ "เก่งมากเลยลูกที่พยายามขนาดนี้", "แม่ภูมิใจในตัวลูกมากที่ทำการบ้านเสร็จเองได้", "พ่อเห็นว่าลูกพัฒนาขึ้นเยอะเลย" คำเหล่านี้ทรงพลังมากครับ

เคล็ดลับคือลองถามน้องๆ ตรงๆ ดูครับว่า "ถ้าลูกทำอันนี้ได้ ลูกอยากได้อะไรเป็นรางวัลเล็กๆ น้อยๆ?" บางทีคำตอบอาจจะง่ายกว่าที่คิด และน้องๆ จะมีกำลังใจเป็นพิเศษเพราะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำจะนำไปสู่สิ่งที่เขาอยากได้ครับ

3. ให้รางวัลทันที หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับเด็กๆ วัยนี้ การเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมกับผลลัพธ์นั้นสำคัญมากครับ ถ้าให้รางวัลล่าช้าเกินไป น้องๆ อาจจะลืมไปแล้วว่าได้รับรางวัลเพราะอะไร

  • เมื่อทำตามเป้าหมายได้: ถ้าลูกทำการบ้านเสร็จตามที่ตกลงไว้ ให้รางวัลเล็กๆ นั้นทันที เช่น ขนม 1 ชิ้น หรือเวลาเล่นเพิ่ม 15 นาที
  • สะสมแต้มแล้วแลก: หากเป็นรางวัลใหญ่ขึ้นมาหน่อย อาจใช้วิธีสะสมแต้มแล้วนำมาแลกรางวัลทีหลัง แต่อย่าให้การสะสมนานเกินไปจนน้องๆ หมดความสนใจครับ

4. สร้าง "ระบบสะสมแต้ม" หรือ "ภารกิจพิชิตดาว"

นี่เป็นอีกวิธีที่สนุกและช่วยสร้างวินัยได้ดี โดยเฉพาะสำหรับการสร้างพฤติกรรมที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น การอ่านหนังสือทุกวัน การทบทวนบทเรียน หรือการทำความสะอาดห้อง

  • ทำตารางคะแนน: อาจทำตารางสวยๆ แปะไว้ที่ผนังห้อง แล้วให้น้องๆ ติดสติกเกอร์ดาว หรือขีดช่องเมื่อทำภารกิจสำเร็จ
  • กำหนดเงื่อนไขการแลก: เช่น สะสมครบ 5 ดาว แลกขนมอร่อยๆ 1 ชิ้น, ครบ 10 ดาว ได้ดูหนังที่ชอบ, ครบ 20 ดาว ได้ไปเที่ยวสวนสนุก (สำหรับรางวัลใหญ่)
  • ให้น้องๆ เลือกรางวัลเอง: พอมีดาวมากๆ ให้น้องๆ มีสิทธิ์เลือกรางวัลที่เขาอยากได้จากรายการที่คุณพ่อคุณแม่กำหนดไว้ จะทำให้น้องรู้สึกมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจมากขึ้นครับ

5. ใช้คำชมเชยและ "รางวัลทางสังคม" เสริม

แรงจูงใจภายนอก ไม่ได้หมายถึงแค่ของรางวัลเท่านั้น คำพูดดีๆ การกอด การหอม หรือการแสดงความรัก ก็ถือเป็น รางวัลเล็กๆ น้อยๆ ที่ทรงพลังมากครับ

  • ชมเชยอย่างจริงใจและเฉพาะเจาะจง: แทนที่จะบอกว่า "เก่งจัง" ให้ชมว่า "แม่ชอบมากเลยที่ลูกพยายามทำโจทย์ข้อนี้ตั้งหลายครั้งจนทำได้สำเร็จ" หรือ "พ่อเห็นความตั้งใจของลูกในการเตรียมสอบแล้ว ลูกสุดยอดมาก"
  • ให้ความสนใจเมื่อลูกทำดี: บางครั้งเด็กๆ ทำสิ่งดีๆ โดยที่เราไม่ได้สังเกต การที่เราให้ความสนใจและชื่นชมเมื่อเขาทำดี จะกระตุ้นให้เขายิ่งอยากทำดีมากขึ้น
  • เล่าเรื่องความสำเร็จให้คนอื่นฟัง: เช่น "วันนี้ลูกอ่านหนังสือได้เยอะมากเลยครับคุณปู่" การได้ยินคุณพ่อคุณแม่เล่าเรื่องความสำเร็จของตัวเองให้คนอื่นฟัง จะทำให้น้องๆ ภาคภูมิใจและมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

6. ให้ทางเลือกในการรับรางวัล

การให้น้องๆ มีทางเลือก จะช่วยให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจในการตัดสินใจ และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ ไม่ใช่แค่ถูกสั่งให้ทำ

  • เสนอตัวเลือกรางวัล: "ถ้าลูกทำแบบฝึกหัดเสร็จ จะเลือกเล่นเกม 15 นาที หรือจะให้แม่เล่านิทานให้ฟัง 1 เรื่องดี?"
  • ให้เลือกเป้าหมาย: "วันนี้ลูกอยากจะฝึกคณิตศาสตร์หรือภาษาไทยก่อนดี?"

7. เมื่อไรที่ควรลดการใช้แรงจูงใจภายนอก?

เป้าหมายสูงสุดของการใช้ แรงจูงใจภายนอก คือการสร้างสะพานไปสู่แรงจูงใจภายใน เมื่อน้องๆ เริ่มแสดงความสนใจในกิจกรรมนั้นๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น หรือเริ่มเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ การลดการใช้รางวัลภายนอกลงทีละน้อยๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ

  • ค่อยๆ ลดความถี่: อาจจะเปลี่ยนจากการให้รางวัลทุกครั้งที่ทำสำเร็จ เป็นให้รางวัลเมื่อทำได้ติดต่อกันหลายๆ ครั้ง หรือเมื่อทำสำเร็จตามเป้าหมายใหญ่ๆ
  • เปลี่ยนประเภทรางวัล: จากของเล่น มาเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน หรือคำชมเชยอย่างเดียว
  • เน้นการชื่นชมแรงจูงใจภายใน: เมื่อเห็นน้องๆ อ่านหนังสือด้วยความสนุกเอง ให้ชมเชยที่ความสนใจนั้น "แม่ดีใจนะที่เห็นลูกสนุกกับการอ่านเรื่องประวัติศาสตร์"

ข้อควรระวัง: ใช้ แรงจูงใจภายนอก อย่างไรไม่ให้เสียเด็ก?

แม้ว่า แรงจูงใจภายนอก จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ก็เหมือนเหรียญสองด้านครับ หากใช้ไม่ถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียได้ คุณพ่อคุณแม่ควรระวังในเรื่องเหล่านี้

1. อย่าใช้รางวัลเป็นสินบนควบคุม

การให้รางวัลควรเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองความสำเร็จหรือความพยายาม ไม่ใช่การติดสินบนเพื่อให้ลูกทำตามคำสั่งโดยไร้เหตุผล หรือเป็นการบงการชีวิตลูก เพราะนั่นจะทำให้ลูกรู้สึกว่าทุกอย่างต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน และอาจจะไม่ทำสิ่งดีๆ หากไม่มีรางวัลตอบแทน

2. อย่าให้รางวัลกับทุกอย่าง

การให้รางวัลกับทุกๆ พฤติกรรมที่ดีอาจทำให้น้องๆ รู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นหน้าที่ที่ทำไปเพื่อรางวัลเท่านั้น ควรเลือกให้รางวัลกับพฤติกรรมที่ต้องการส่งเสริมเป็นพิเศษ หรือพฤติกรรมที่น้องๆ ยังไม่มีแรงจูงใจภายในในการทำ

3. คำนึงถึงความสม่ำเสมอและความยุติธรรม

ถ้าตกลงกันไว้แล้วว่าจะให้รางวัลเมื่อน้องทำสิ่งใดสำเร็จ คุณพ่อคุณแม่ควรทำตามข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้น้องๆ เกิดความเชื่อมั่นและเข้าใจในระบบ การเปลี่ยนแปลงกฎบ่อยๆ อาจทำให้น้องๆ สับสนและหมดกำลังใจได้

4. เน้นที่ "กระบวนการ" ไม่ใช่แค่ "ผลลัพธ์"

ในการเรียนรู้ การที่น้องๆ พยายาม ตั้งใจ และอดทน คือสิ่งที่สำคัญกว่าคะแนนสอบเสมอ การให้รางวัลที่ความพยายามจะช่วยให้น้องๆ กล้าที่จะลองผิดลองถูก และไม่กลัวความผิดพลาด ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาตัวเองในระยะยาวครับ

คุณพ่อคุณแม่คือ แรงจูงใจภายนอก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

สุดท้ายนี้ พี่ๆ อยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า ไม่ว่ารางวัลที่น้องๆ จะได้รับจะเป็นสิ่งของ กิจกรรม หรือสิทธิพิเศษอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่มีค่าและทรงพลังที่สุดในการสร้าง แรงจูงใจภายนอก ให้กับลูกๆ ก็คือ "ตัวคุณพ่อคุณแม่เอง" ครับ

การที่น้องๆ รู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจ พร้อมสนับสนุน และอยู่เคียงข้างเสมอ คือรางวัลทางใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การให้กำลังใจ การรับฟัง การแสดงความรัก และการชื่นชมในความพยายามของน้องๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งทั้งด้านจิตใจและความสามารถในการเรียนรู้

อย่าลืมนะครับว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่การทำให้น้องๆ "สอบติด" แต่เป็นการสร้าง "ความสุขในการเรียนรู้" และ "ความสามารถในการพัฒนาตัวเอง" ให้กับพวกเขาไปตลอดชีวิตครับ

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ