บทบาทของพ่อแม่ในการเป็น กองเชียร์ ที่ดีที่สุด

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 9 ตุลาคม 2568

พ่อแม่ กองเชียร์ เตรียมสอบ ม.1 กำลังใจลูก สุขภาพจิตเด็ก ครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกไหมครับว่า การที่น้องๆ เข้าสู่ช่วงชั้น ป.6 แล้วเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 เนี่ย มันเหมือนกับการเริ่มต้นเดินทางครั้งสำคัญในชีวิตของเขาเลยนะ แต่ระหว่างทางมันก็มีทั้งความตื่นเต้น ความท้าทาย และแน่นอนว่าอาจจะมีแรงกดดันตามมาด้วย น้องๆ อาจจะรู้สึกว่าต้องแบกความคาดหวังไว้เต็มสองบ่า ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่เองก็อาจจะกำลังมองหาวิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนเขาใช่ไหมครับ?

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจดีเลยครับว่าช่วงเวลาแบบนี้สำคัญแค่ไหน และบทบาทของ พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดีที่สุดจะเป็นอย่างไร วันนี้พี่จะชวนคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ มาสำรวจกันว่า เราจะแปลงร่างเป็น “กองเชียร์” ที่คอยส่งพลังบวกให้น้องๆ มีแรงสู้จนถึงเส้นชัยได้อย่างไรบ้าง โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการเพิ่มความกดดัน แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่น และทำให้การเตรียมสอบเป็นเรื่องที่น่าสนุกและเติบโตไปพร้อมกันครับ

ทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงเป็น “กองเชียร์” ที่สำคัญที่สุด?

ในการแข่งขันกีฬา ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาเก่งแค่ไหน ก็ต้องมี กองเชียร์ คอยส่งเสียงให้กำลังใจใช่ไหมครับ? เหมือนกันเลยครับ สำหรับการเตรียมสอบเข้า ม.1 ของน้องๆ คุณพ่อคุณแม่นี่แหละคือ “กองเชียร์” หลักที่สำคัญที่สุด เพราะเสียงเชียร์จากคนในครอบครัว โดยเฉพาะจากคุณพ่อคุณแม่ มีพลังมหาศาลกว่าใครๆ เลยครับ

มากกว่าแค่ผู้สนับสนุนทางการเงิน

หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ทุ่มเทให้ลูกเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเรียนพิเศษ ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญและดีมากๆ ครับ แต่บทบาทของ พ่อแม่ กองเชียร์ นั้นไม่ได้จบแค่การจ่ายเงินเท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงการเป็นผู้ที่เข้าใจ ให้เวลา ให้ความรัก และเป็นที่พึ่งทางใจให้น้องๆ ได้รู้ว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่คอยอยู่ข้างๆ เสมอ

การเป็นผู้สนับสนุนที่มากกว่าเรื่องเงินทอง จะช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ให้กับน้องๆ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความยากของข้อสอบ หรือความเครียดจากการแข่งขัน น้องๆ จะรู้ว่ามีใครสักคนพร้อมจะฟัง พร้อมจะปลอบ และพร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

สร้างบรรยากาศเชิงบวกที่บ้าน

บ้านคือพื้นที่ปลอดภัยและควรเป็นที่ที่น้องๆ รู้สึกผ่อนคลายที่สุดใช่ไหมครับ? ถ้าบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการเรียน หรือมีแต่คำถามเรื่องผลสอบ บรรยากาศแบบนั้นอาจจะทำให้น้องๆ รู้สึกกดดันจนไม่อยากกลับบ้าน หรือไม่สบายใจที่จะบอกเล่าปัญหาให้ฟัง

พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดีจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นบวก ด้วยการเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้พักผ่อน ได้ทำกิจกรรมที่ชอบบ้าง ไม่ได้มีแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ ไม่ได้หมายถึงการจัดห้องอ่านหนังสือให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างสภาวะทางอารมณ์ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยครับ

  • พูดคุยเรื่องอื่นบ้าง: นอกจากเรื่องเรียน ลองชวนน้องๆ คุยเรื่องที่เขาสนใจ เช่น การ์ตูน เกม หรือกิจกรรมยามว่าง
  • หัวเราะด้วยกัน: การมีอารมณ์ขันและหัวเราะร่วมกันช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี
  • ทำกิจกรรมครอบครัว: การออกไปเที่ยวสั้นๆ หรือแค่ดูหนังด้วยกันที่บ้าน ก็ช่วยให้น้องๆ รู้สึกผ่อนคลายและเชื่อมโยงกับครอบครัวมากขึ้น

เข้าใจความรู้สึกและแรงกดดันของลูก

น้องๆ ในวัย ป.6 - ม.1 เป็นช่วงวัยที่กำลังปรับตัวและมีพัฒนาการทางอารมณ์สูง พวกเขาอาจจะรู้สึกสับสน กังวล หรือแม้กระทั่งท้อแท้ได้ง่ายๆ ครับ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเป้าหมายสำคัญอย่างการสอบเข้า ม.1 คุณพ่อคุณแม่ที่เป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่แท้จริง ต้องสามารถรับฟังและเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ได้

บางครั้งน้องๆ อาจจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าเครียด แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตจากพฤติกรรมได้ เช่น ซึมลง นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หรือไม่อยากทำกิจกรรมที่เคยชอบ การถามไถ่ด้วยความห่วงใยและเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ระบาย จะช่วยให้เขารู้สึกว่ามีคนที่พร้อมจะรับฟังและเข้าใจ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม

อย่าลืมว่าการสอบก็เหมือนกับการวิ่งมาราธอนครับ น้องๆ ต้องการพลังใจ พลังกาย และที่สำคัญคือพลังความเข้าใจจากคนที่รักที่สุด เพื่อให้เขามีแรงวิ่งไปจนถึงเส้นชัยได้อย่างมั่นคงครับ

“กองเชียร์” ที่ดี ควรมีคุณสมบัติและทัศนคติแบบไหน?

การเป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่การตะโกนเชียร์ดังๆ นะครับ แต่ต้องมาพร้อมกับคุณสมบัติและทัศนคติที่เหมาะสม เพื่อให้น้องๆ รู้สึกถึงการสนับสนุนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ ครับ

เข้าใจธรรมชาติของวัยประถมปลาย

ช่วง ป.6 ถึง ม.1 เป็นวัยที่กำลังก้าวผ่านจากเด็กเล็กสู่ความเป็นวัยรุ่น พวกเขากำลังเริ่มค้นหาตัวตน มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ต้องการอิสระมากขึ้น แต่ก็ยังต้องการคำแนะนำและการดูแลจากคุณพ่อคุณแม่ครับ ความเข้าใจในพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ และสังคมของวัยนี้เป็นสิ่งสำคัญมากๆ

  • ยอมรับความเปลี่ยนแปลง: น้องๆ อาจจะมีอารมณ์ขึ้นลงง่าย หรือเริ่มมีความลับส่วนตัวมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดใจยอมรับและปรับตัวตาม
  • ไม่คาดหวังเกินจริง: บางครั้งน้องๆ อาจจะยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการเตรียมตัวสอบอย่างถ่องแท้ การอธิบายด้วยเหตุผลที่ง่ายและเป็นประโยชน์กับชีวิตเขาจะดีกว่าการบังคับ

ยอมรับในความแตกต่างและศักยภาพของลูก

น้องๆ แต่ละคนมีความเก่ง ความถนัด และความสามารถที่ไม่เหมือนกันเลยครับ บางคนอาจจะเก่งวิทย์ บางคนถนัดภาษาไทย บางคนอาจจะเรียนรู้ได้เร็ว บางคนอาจจะใช้เวลามากกว่า คุณพ่อคุณแม่ในฐานะ พ่อแม่ กองเชียร์ ต้องยอมรับในจุดนี้

การเปรียบเทียบลูกกับพี่น้อง ลูกเพื่อน หรือเด็กคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยนะครับ เพราะมันทำให้น้องๆ รู้สึกด้อยค่า และเสียความมั่นใจได้ง่ายๆ แทนที่จะมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ ลองเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับ ความพยายาม และ ความก้าวหน้า ของน้องๆ เป็นรายบุคคลจะดีกว่าครับ

พี่ๆ เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แค่ต้องการคนที่จะมองเห็น ให้โอกาส และเชื่อมั่นในตัวเขาครับ การที่คุณพ่อคุณแม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น จะทำให้น้องๆ กล้าที่จะเป็นตัวเองและพัฒนาไปในแบบของเขาอย่างมีความสุข

มีความอดทนและสม่ำเสมอ

การเตรียมสอบไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ภายในวันเดียวครับ มันคือกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ความพยายาม และความสม่ำเสมอ ทั้งจากตัวน้องๆ เองและจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย การเป็น กองเชียร์ ที่ดีจึงต้องมีความอดทนสูงครับ

บางวันน้องๆ อาจจะเหนื่อยล้า ไม่อยากอ่านหนังสือ หรือทำข้อสอบผิดเยอะๆ คุณพ่อคุณแม่อาจจะรู้สึกท้อแท้ตามไปด้วยได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่แสดงความผิดหวังให้น้องเห็น และต้องแสดงออกถึงความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ การให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ตอนที่ลูกทำได้ดี จะช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ให้กับน้องๆ ได้เป็นอย่างดีครับ

จำไว้ว่าการเดินข้างๆ กันไปตลอดทางสำคัญกว่าการไปถึงเส้นชัยด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวครับ

เป็นแบบอย่างที่ดี

เด็กๆ มักจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างครับ หากคุณพ่อคุณแม่แสดงออกถึงความพยายาม ความรับผิดชอบ และความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต น้องๆ ก็จะซึมซับสิ่งเหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว

การที่คุณพ่อคุณแม่จัดระเบียบชีวิต แสดงให้เห็นถึงการวางแผนที่ดี หรือการรับมือกับความท้าทายด้วยความใจเย็น สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นบทเรียนที่มีค่าและเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ในการเตรียมตัวสอบและในการใช้ชีวิตในอนาคตครับ พ่อแม่ กองเชียร์ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้น้องๆ มีวินัยและความรับผิดชอบในตัวเอง

กลยุทธ์ของ “กองเชียร์” ระดับมืออาชีพ: ทำอะไรบ้าง?

เมื่อเราเข้าใจคุณสมบัติและทัศนคติที่ควรมีแล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่า พ่อแม่ กองเชียร์ ตัวจริงควรทำอะไรบ้าง เพื่อสนับสนุนน้องๆ อย่างเต็มที่และถูกจุดครับ

สร้าง "สนามซ้อม" ที่ปลอดภัยและน่าเรียนรู้

เปรียบเหมือนนักกีฬาที่ต้องการสนามฝึกซ้อมที่ดี น้องๆ ก็ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ครับ ไม่ใช่แค่โต๊ะหนังสือที่สะอาด แต่ยังรวมถึงบรรยากาศโดยรวมในบ้านที่เอื้อต่อการมีสมาธิและรู้สึกสบายใจที่จะเรียนรู้

  • จัดพื้นที่อ่านหนังสือ: อาจจะไม่ต้องหรูหรา แต่ขอให้เป็นมุมที่สงบ ไม่มีสิ่งรบกวนมากเกินไป
  • วางแผนการเรียนร่วมกัน: ชวนน้องๆ มาวางแผนตารางอ่านหนังสือ ตารางการทำโจทย์ด้วยกัน เพื่อให้เขารู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
  • สนับสนุนเครื่องมือการเรียนรู้: หากน้องๆ ต้องการหนังสือแบบฝึกหัดเพิ่มเติม หรือต้องการติวในวิชาที่อ่อน ก็ควรสนับสนุนในสิ่งที่จำเป็นและเหมาะสม

การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยให้น้องๆ รู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่ภาระ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ได้รับการจัดสรรอย่างดีครับ

สื่อสารอย่างเปิดอกและสร้างสรรค์

  • ใช้คำถามปลายเปิด: แทนที่จะถามว่า "อ่านหนังสือหรือยัง?" ลองเปลี่ยนเป็น "วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง? มีเรื่องไหนสงสัย หรืออยากให้พ่อแม่ช่วยอะไรไหม?"
  • รับฟังอย่างตั้งใจ: เมื่อน้องๆ พูด ก็รับฟังอย่างตั้งใจ ไม่ขัดจังหวะ ไม่ตัดสิน ให้เขารู้สึกว่าเสียงของเขามีค่า
  • ให้ Feedback ที่สร้างสรรค์: ถ้าเห็นว่าน้องทำอะไรที่ควรปรับปรุง ให้ชี้แนะด้วยความหวังดี ไม่ใช่การตำหนิ เช่น "พี่เข้าใจว่าน้องอยากเล่น แต่ถ้าแบ่งเวลาอีกนิด การบ้านน่าจะเสร็จเร็วขึ้นนะ"

สอนเรื่องการบริหารจัดการเวลาและวินัย

ทักษะนี้สำคัญมากๆ ไม่ใช่แค่กับการเตรียมสอบ แต่สำหรับการใช้ชีวิตในอนาคตเลยครับ การที่น้องๆ รู้จักจัดสรรเวลา แบ่งเวลาเรียน เวลาเล่น เวลาพักผ่อน จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี คุณพ่อคุณแม่คือโค้ชที่ดีที่สุดในการสอนเรื่องนี้

เริ่มต้นจากการทำตารางเวลาง่ายๆ ร่วมกัน ฝึกให้น้องๆ ทำตามตาราง และให้รางวัลเมื่อทำได้ดี การสร้างวินัยต้องใช้เวลาครับ แต่อย่าเพิ่งท้อ การที่คุณพ่อคุณแม่เป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ช่วยสร้างวินัย จะทำให้น้องๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบได้ในอนาคต

ให้พื้นที่และอิสระในการตัดสินใจ (ภายใต้การดูแล)

แม้จะอยู่ในวัยที่ต้องได้รับการดูแล แต่การให้น้องๆ ได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกเส้นทางบางอย่างด้วยตัวเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจและความรับผิดชอบครับ

ยกตัวอย่างเช่น ให้เขาเลือกว่าอยากจะอ่านหนังสือวิชาไหนก่อน อยากทำข้อสอบชุดไหนก่อน หรืออยากจะพักกี่นาที การที่คุณพ่อคุณแม่ให้พื้นที่ตรงนี้ จะทำให้น้องๆ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตัวเอง การเป็น กองเชียร์ ที่เข้าใจว่าบางครั้งนักกีฬาก็อยากวางแผนการเล่นของตัวเองบ้าง ก็จะช่วยให้น้องๆ รู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

ฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ และเรียนรู้จากความผิดพลาด

การเตรียมสอบเป็นเหมือนการเดินทางไกลครับ ไม่ได้มีแค่จุดหมายปลายทาง แต่ระหว่างทางก็มีเรื่องให้ยินดีและเรื่องให้เรียนรู้มากมาย

  • ชื่นชมทุกความก้าวหน้า: ไม่จำเป็นต้องรอให้ได้คะแนนเต็มร้อย แค่น้องๆ พยายามมากขึ้น ทำโจทย์ได้ถูกต้องมากขึ้น หรือมีความรับผิดชอบมากขึ้น ก็ควรชื่นชมทันที
  • เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นบทเรียน: เมื่อน้องๆ ทำผิดพลาด หรือทำข้อสอบไม่ได้ อย่าตำหนิ แต่ให้ชวนกันวิเคราะห์ว่าผิดตรงไหน และจะปรับปรุงได้อย่างไร การทำเช่นนี้จะช่วยให้น้องๆ ไม่กลัวความผิดพลาด และมองเห็นว่ามันเป็นโอกาสในการเรียนรู้

การที่ พ่อแม่ กองเชียร์ คอยส่งเสียงเชียร์ทั้งยามสุขและยามทุกข์ จะทำให้น้องๆ รู้สึกว่าเขาไม่ได้เดินอยู่คนเดียว และมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปครับ

สิ่งที่ “กองเชียร์” ไม่ควรทำเด็ดขาด!

แม้ความปรารถนาดีของ พ่อแม่ กองเชียร์ จะสำคัญ แต่ก็มีบางสิ่งที่หากทำไปแล้ว อาจจะส่งผลเสียต่อน้องๆ มากกว่าผลดีครับ พี่ๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องเหล่านี้

เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น

นี่เป็นข้อห้ามอันดับต้นๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นกับพี่น้อง ลูกเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ตัวคุณพ่อคุณแม่เองสมัยเด็กๆ การเปรียบเทียบสร้างความรู้สึกด้อยค่าและทำให้ลูกเสียความมั่นใจ แทนที่จะกระตุ้น กลับกลายเป็นทำลายกำลังใจ และทำให้น้องๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอในสายตาคุณพ่อคุณแม่ครับ

น้องๆ ทุกคนมีจุดเด่น จุดด้อย และเส้นทางของตัวเอง การที่ พ่อแม่ กองเชียร์ ยอมรับในความแตกต่างของลูก คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความมั่นใจให้เขา

กดดันมากเกินไปจนลูกเครียด

ความคาดหวังเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มีให้น้องๆ ได้ แต่การคาดหวังที่มากเกินไปจนกลายเป็นการกดดัน อาจทำให้น้องๆ เครียด วิตกกังวล และหมดสนุกกับการเรียนไปเลยครับ สัญญาณของความเครียดอาจจะแสดงออกในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น อารมณ์แปรปรวน ท้องเสียบ่อย ปวดหัว หรือไม่อยากไปโรงเรียน

การเป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดีคือการให้กำลังใจในแบบที่เหมาะสม ไม่ใช่การกดดันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตัวเองต้องการ ลองสังเกตพฤติกรรมของลูก และถามไถ่ความรู้สึกของเขาบ่อยๆ หากพบว่ามีสัญญาณของความเครียด ควรหาทางผ่อนคลายให้น้องทันที

ยัดเยียดความคาดหวังของตัวเอง

บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะมีความฝันที่อยากเห็นลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรืออยากให้ลูกเข้าโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก การยัดเยียดความคาดหวังของตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกหรือความถนัดของลูก อาจทำให้น้องๆ รู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่ใช่ของเขาเอง และเรียนไปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อื่น

พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ฉลาดจะเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ค้นพบความสนใจและความถนัดของตัวเอง และสนับสนุนเขาในเส้นทางที่เขาเลือก โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้คอยให้คำแนะนำและประคับประคองอยู่เบื้องหลัง

ตำหนิเมื่อลูกทำไม่ได้

เมื่อน้องๆ ทำผิดพลาด หรือทำข้อสอบไม่ได้ตามเป้าหมาย เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะรู้สึกเสียใจหรือผิดหวังอยู่แล้ว การที่คุณพ่อคุณแม่ซ้ำเติมหรือตำหนิ อาจทำให้น้องๆ รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว และไม่กล้าที่จะลองผิดลองถูก หรือไม่กล้าที่จะพยายามอีกครั้ง

แทนที่จะตำหนิ พ่อแม่ กองเชียร์ ควรเปลี่ยนเป็นคำถามเชิงบวก เช่น "ไม่เป็นไรนะลูก เรามาดูกันว่าตรงไหนที่เรายังไม่เข้าใจ จะได้แก้ให้ถูก" หรือ "แค่ลูกพยายามเต็มที่แล้วก็พอแล้วลูก" การให้กำลังใจและชี้แนะด้วยความเข้าใจ จะช่วยสร้างความกล้าให้น้องๆ ได้ลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้งครับ

ดูแลใจ “กองเชียร์” และ “นักกีฬา” ให้แข็งแกร่งตลอดการแข่งขัน

การเตรียมสอบเข้า ม.1 เป็นทั้งการแข่งขันของน้องๆ และเป็นความท้าทายของคุณพ่อคุณแม่เองด้วยครับ ในฐานะ พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดี ไม่ใช่แค่ต้องดูแลใจน้องๆ เท่านั้น แต่ต้องไม่ลืมดูแลใจของตัวเองด้วย เพราะคุณพ่อคุณแม่ที่ใจแข็งแรงเท่านั้น ถึงจะมีพลังส่งให้น้องๆ ได้อย่างเต็มที่

สำรวจความรู้สึกของตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่เองก็มีความกังวล ความเครียด หรือความคาดหวังได้ครับ ลองถามตัวเองดูบ้างว่า "วันนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง?" "เราเหนื่อยไปไหม?" "เรากดดันตัวเองมากไปหรือเปล่า?" การรับรู้ความรู้สึกของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราจัดการกับอารมณ์และเป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่มีพลังบวกได้อย่างแท้จริงครับ

ให้เวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมที่ชอบ

เหมือนกับน้องๆ ที่ต้องการเวลาพักผ่อน คุณพ่อคุณแม่ก็เช่นกันครับ หาเวลาทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย การได้พักจากความตึงเครียด จะช่วยเติมพลังให้คุณพ่อคุณแม่กลับมาเป็น กองเชียร์ ที่สดชื่นและกระตือรือร้นอีกครั้ง

การพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันบ้าง โดยไม่พูดถึงเรื่องเรียนเลย ก็เป็นการดูแลใจทั้งคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ ได้เป็นอย่างดีครับ

ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวครับ หากรู้สึกว่าเหนื่อยล้าเกินไป หรือมีเรื่องที่ไม่แน่ใจในการดูแลลูก ลองปรึกษาคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นคู่ชีวิต ญาติสนิท หรือครูอาจารย์ที่โรงเรียน การได้ระบายหรือขอคำแนะนำจากผู้อื่น จะช่วยลดความกดดันและเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้ครับ

การที่คุณพ่อคุณแม่ยอมรับว่าตัวเองก็ต้องการความช่วยเหลือบ้าง ไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ แต่แสดงถึงความเข้มแข็งและเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องๆ เห็นว่า การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องผิด

จำไว้ว่า "ผลลัพธ์ไม่ใช่ทุกสิ่ง"

ท้ายที่สุดแล้ว การสอบเข้า ม.1 เป็นเพียงก้าวหนึ่งในชีวิตของน้องๆ เท่านั้นครับ สิ่งที่สำคัญกว่าผลลัพธ์คือ กระบวนการเรียนรู้ ที่น้องๆ ได้รับ ประสบการณ์ที่เขาได้เจอ ความพยายามที่เขาได้ทุ่มเท และที่สำคัญที่สุดคือ ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง ระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับน้องๆ

ในฐานะ พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดีที่สุด คุณค่าของการเป็นผู้ให้กำลังใจ ไม่ได้วัดกันที่ว่าลูกจะสอบได้หรือไม่ แต่วัดกันที่ว่าน้องๆ จะเติบโตเป็นคนที่มีความสุข มีความมั่นใจ และมีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายในชีวิตได้อย่างแข็งแกร่งเพียงใด

การที่น้องๆ รู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่รักและภูมิใจในตัวเขา ไม่ว่าผลการสอบจะเป็นอย่างไร คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะผลักดันให้เขาก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อครับ

พี่ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปปรับใช้ในการเป็น พ่อแม่ กองเชียร์ ที่ดีที่สุดให้น้องๆ ได้อย่างเต็มที่นะครับ จำไว้ว่ากำลังใจจากคนในครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และความสุขของน้องๆ คือสิ่งสำคัญที่สุดครับ

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ