ควรอ่านบทไหนก่อน? วิธีจัดลำดับเนื้อหาที่ต้องอ่านก่อนสอบ

เขียนโดย: ทีมงาน TidMor1 | เผยแพร่เมื่อ: 15 สิงหาคม 2568

เตรียมสอบเข้า ม.1 เทคนิคการอ่าน วางแผนการอ่าน

"โอ๊ย! จะเริ่มอ่านจากตรงไหนก่อนดี?" พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 เข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลยครับ ทั้งน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังยืนมองกองหนังสือเตรียมสอบเข้า ม.1 ที่สูงเป็นตั้ง เนื้อหาทั้ง 5 วิชาหลักก็เยอะแยะไปหมด เปิดหน้าแรกก็เจอเรื่องยาก เปิดหน้าสุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจ ความกังวลและความสับสนถาโถมเข้ามาจนทำให้ท้อใจได้ง่ายๆ เลยใช่ไหมครับ

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ! ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับน้องๆ แค่คนเดียว มันเป็นความรู้สึกปกติของทุกคนที่กำลังจะก้าวผ่านช่วงเวลาสำคัญนี้ วันนี้พี่ๆ เลยจะมามอบ "แผนที่" ที่จะช่วยให้น้องๆ รู้ว่า ควรอ่านบทไหนก่อน? และมี วิธีจัดลำดับเนื้อหาที่ต้องอ่านก่อนสอบ อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เปลี่ยนความสับสนให้เป็นความมั่นใจ พร้อมลุยสนามสอบแบบเต็มร้อย ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!

ทำไมการจัดลำดับเนื้อหาถึงสำคัญกว่าที่คิด?

ลองนึกภาพตามนะครับ การอ่านหนังสือแบบไม่มีแผน ก็เหมือนกับการออกเดินทางโดยไม่มีแผนที่ เราอาจจะขับรถวนไปวนมา เสียทั้งเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ และอาจจะไปไม่ถึงจุดหมายด้วยซ้ำ การจัดลำดับเนื้อหาที่ต้องอ่านก็เช่นกันครับ มันสำคัญมากๆ เพราะว่า:

  • ลดความเครียดและความท้อแท้: เมื่อเรามีแผนที่ชัดเจน รู้ว่าวันนี้ควรอ่านอะไร พรุ่งนี้ต้องทำอะไร ความรู้สึกเคว้งคว้างจะหายไปทันที และจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกว่า "ฉันคุมสถานการณ์ได้!"
  • ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด: เวลาของน้องๆ มีจำกัด การพุ่งเป้าไปที่บทสำคัญที่ออกสอบบ่อยและเป็นพื้นฐานของเรื่องอื่นๆ จะช่วยให้เราเก็บคะแนนในส่วนที่แน่นอนได้ก่อน ซึ่งดีกว่าการเสียเวลาไปกับบทที่ยากมากๆ แต่ออกสอบน้อยครับ
  • เหมือนการสร้างบ้าน: เราต้องเริ่มจากฐานรากที่แข็งแรงก่อนเสมอ (บทเรียนพื้นฐาน) แล้วค่อยๆ สร้างเสา กำแพง และหลังคา (บทเรียนที่ซับซ้อนขึ้น) ถ้าเราข้ามไปสร้างหลังคาก่อน บ้านทั้งหลังก็อาจจะพังลงมาได้ง่ายๆ ครับ
  • สร้างความมั่นใจ: การเก็บเนื้อหาจากง่ายไปยาก ทำให้เรารู้สึกว่า "ทำได้" ในทุกๆ วัน ความมั่นใจเล็กๆ ที่สะสมไปเรื่อยๆ นี่แหละครับ คือพลังสำคัญที่จะทำให้น้องๆ พร้อมสำหรับวันสอบจริง

Step-by-Step: วิธีจัดลำดับเนื้อหาที่ต้องอ่านก่อนสอบ ฉบับ TidMor1

เอาล่ะครับ มาถึงส่วนสำคัญที่สุดกันแล้ว พี่ๆ ได้ย่อยขั้นตอนที่ซับซ้อนออกมาเป็น 3 สเต็ปง่ายๆ ที่น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที มาเริ่มกันเลย!

Step 1: กางแผนที่ทั้งหมด - "รู้เขา รู้เรา"

ก่อนจะวางแผนได้ เราต้องรู้ข้อมูลสำคัญ 2 อย่างนี้ก่อนครับ

  • รู้เขา (รู้จักข้อสอบ): ลองหาข้อมูลแนวข้อสอบเก่าๆ หรือโครงสร้างข้อสอบ (Test Blueprint) ของโรงเรียนเป้าหมายดูครับ ว่าแต่ละวิชาเน้นออกเรื่องอะไร บทไหนออกเยอะ บทไหนออกน้อย การรู้ข้อมูลนี้จะทำให้น้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาไปกับบทที่ไม่ค่อยสำคัญมากนัก
  • รู้เรา (รู้จักตัวเอง): สำรวจตัวเองอย่างซื่อสัตย์ครับว่าแต่ละบทเรียน เรามีความถนัดระดับไหน บทไหนคือ "เรื่องกล้วยๆ" สำหรับเรา และบทไหนคือ "ยาขม" ที่เห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนี การเข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเองเป็นก้าวแรกสู่การวางแผนที่มีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับจากพี่ๆ: ลองทำตารางง่ายๆ ในกระดาษหรือสมุด มี 3 ช่อง คือ "ชื่อบท", "ความเข้าใจของเรา (1-5 คะแนน)" และ "ความถี่ที่ออกสอบ (สูง/กลาง/ต่ำ)" การเห็นภาพรวมแบบนี้จะช่วยให้การจัดลำดับในขั้นตอนต่อไปง่ายขึ้นมากเลยครับ

Step 2: จัดกลุ่มเนื้อหาด้วยเทคนิค "ปิรามิดแห่งความสำคัญ"

เมื่อเรารู้เขา รู้เราแล้ว ก็ถึงเวลามาจัดกลุ่มเนื้อหากันครับ พี่ๆ ขอแนะนำเทคนิค "ปิรามิดแห่งความสำคัญ" ซึ่งแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วน เหมือนชั้นของปิรามิด

ฐานปิรามิด: บทพื้นฐานที่ต้องแน่น! (The Foundation)
นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดครับ เป็นบทเรียนที่ถ้าไม่เข้าใจ จะไม่สามารถไปต่อในเรื่องอื่นๆ ได้เลย เหมือนฐานรากของบ้านที่ต้องแข็งแรงที่สุด น้องๆ ควรให้เวลากับส่วนนี้มากที่สุดจนกว่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้

  • คณิตศาสตร์: การบวก ลบ คูณ หาร, เศษส่วน, ทศนิยม, บัญญัติไตรยางศ์
  • วิทยาศาสตร์: กระบวนการทางวิทยาศาสตร์, เซลล์, ระบบนิเวศ, สารและการเปลี่ยนแปลง
  • ภาษาไทย: ชนิดของคำ (คำนาม, สรรพนาม, กริยา), ประโยคและส่วนประกอบ, การอ่านจับใจความ
  • ภาษาอังกฤษ: Tenses พื้นฐาน (Present/Past/Future Simple), Parts of Speech, Vocabulary ที่จำเป็น

กลางปิรามิด: บทที่ออกสอบบ่อยและบทเชื่อมโยง (The Core)
ส่วนนี้คือเนื้อหาที่ต่อยอดมาจากฐาน และมักจะเป็นบทที่ข้อสอบชอบนำมาออกบ่อยๆ หรือเป็นบทที่ต้องใช้ความรู้จากหลายๆ เรื่องพื้นฐานมาผสมกัน การเก็บเนื้อหาส่วนนี้ได้ จะทำให้น้องๆ ทำคะแนนได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

  • คณิตศาสตร์: สมการ, โจทย์ปัญหาร้อยละ, พื้นที่และปริมาตร
  • วิทยาศาสตร์: ระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์, แรงและการเคลื่อนที่, ไฟฟ้าเบื้องต้น
  • ภาษาไทย: สำนวน สุภาษิต คำพังเพย, ราชาศัพท์, การเขียนเรียงความ
  • ภาษาอังกฤษ: Reading Comprehension (การอ่านจับใจความ), Conversation, Tenses ที่ซับซ้อนขึ้น

ยอดปิรามิด: บทเฉพาะทาง หรือบทที่ยาก (The Peak)
นี่คือส่วนบนสุดของปิรามิด เป็นบทเรียนที่อาจจะยากเป็นพิเศษ มีรายละเอียดเยอะ หรืออาจจะออกสอบไม่บ่อยเท่าส่วนอื่น น้องๆ ควรเก็บส่วนนี้ไว้ท้ายสุด หลังจากที่ฐานและกลางปิรามิดของเราแข็งแรงแล้ว การทำความเข้าใจส่วนนี้ได้ถือเป็นโบนัส แต่ถ้าเวลาไม่พอจริงๆ การกลับไปทบทวนส่วนฐานและกลางให้แม่นยำอาจจะคุ้มค่ากว่า

Step 3: สร้างตารางเวลา "อ่าน-ทวน-ทำโจทย์"

มีแผนแล้วก็ต้องลงมือทำ! แต่แค่ "อ่าน" อย่างเดียวไม่พอนะครับ ต้องมี "ทบทวน" และ "ทำโจทย์" ด้วย พี่ๆ แนะนำให้จัดตารางเวลาโดยใช้หลักการนี้ครับ

  • จัดเวลาตามปิรามิด: ให้เวลากับ "ฐานปิรามิด" มากที่สุด รองลงมาคือ "กลางปิรามิด" และน้อยที่สุดคือ "ยอดปิรามิด"
  • กฎ 3 วัน: ลองจัดตารางง่ายๆ เช่น วันจันทร์ "อ่าน" เรื่องใหม่, วันอังคาร "ทบทวน" เรื่องที่อ่านไปเมื่อวาน และวันพุธ "ทำโจทย์" ที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ การทำแบบนี้จะช่วยให้ความรู้ฝังแน่นขึ้นมากครับ
  • ยืดหยุ่นได้เสมอ: ตารางเวลาไม่ใช่กฎเหล็กนะครับ ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าบทไหนยาก อาจจะเพิ่มเวลาให้มากขึ้น หรือถ้าบทไหนง่าย ก็อาจจะข้ามไปทำโจทย์ได้เร็วขึ้น ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้เลย

เคล็ดลับเพิ่มเติมจากพี่ๆ TidMor1

นอกจากการวางแผนแล้ว ยังมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การอ่านหนังสือของน้องๆ สนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยครับ

  • อย่าอ่านแบบมาราธอน: การอ่านหนังสือรวดเดียว 3-4 ชั่วโมงอาจทำให้สมองล้า ลองใช้เทคนิค Pomodoro คือ อ่าน 25 นาที พัก 5 นาที พอครบ 4 รอบก็พักยาว 15-30 นาที จะช่วยให้มีสมาธิและจดจำได้ดีขึ้นครับ
  • ทำ Short Note ไม่ใช่คัดลอก: การจดสรุปด้วยภาษาของตัวเอง ใช้สีสัน หรือวาดเป็นแผนภาพความคิด (Mind Mapping) จะช่วยให้สมองจัดระเบียบข้อมูลและจำได้ง่ายกว่าการคัดลอกตามหนังสือทุกตัวอักษร
  • พลังของเพื่อน: การจับคู่กับเพื่อนช่วยกันติว หรือแค่ผลัดกันถาม-ตอบ ก็เป็นวิธีทบทวนความรู้ที่ดีมากๆ เพราะการอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ แปลว่าเราเข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ข้อนี้สำคัญที่สุด! สมองที่เหนื่อยล้าจะรับอะไรใหม่ๆ ได้ไม่ดี การนอนหลับให้เพียงพอ การกินอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยให้ร่างกายและสมองสดชื่น พร้อมสำหรับการเรียนรู้เสมอ คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูแลเรื่องนี้ได้ดีที่สุดเลยครับ

สุดท้ายนี้ พี่ๆ อยากจะบอกว่าการวางแผนอาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยากในตอนแรก แต่เมื่อน้องๆ ได้ลองทำแล้ว จะพบว่ามันคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่จะช่วยลดความกดดันและสร้างความมั่นใจได้อย่างมหาศาลเลยครับ การรู้ว่า ควรอ่านบทไหนก่อน ไม่ใช่แค่เรื่องของการสอบ แต่คือการเรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากๆ ในอนาคต

พี่ๆ ทีมงาน TidMor1 ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน และคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะครับ เส้นทางนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่รออยู่คุ้มค่าแน่นอน สู้ๆ นะครับ!

และหากการวางแผนนี้ทำให้น้องๆ หรือคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการตะลุยโจทย์วิทยาศาสตร์คือสิ่งสำคัญ ทีมงาน TidMor1 ขอแนะนำ "ข้อสอบเข้า ม.1 วิทยาศาสตร์ 3,000 ข้อ" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ TidMor1.com นะครับ